วันพุธที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ดูนก เดินป่า ศึกษาธรรมชาติ ที่น้ำตกตรอกนอง จันทบุรี

ดูนก เดินป่า ศึกษาธรรมชาติ ที่น้ำตกตรอกนอง จันทบุรี


เข้าสู่หน้าฝนกันแล้วครับช่วงนี้ ที่จันทบุรีนี่จากที่ร้อนตับแล๊บ มานานจนตกเป็นจังหวัดที่ต้องประกาศเป็นพื้นที่ภัยแล้ง โอววว์ ในที่สุดก็เข้าสู่ช่วงที่ชุ่มช่ำฝนตก เกือบจะทุกวันเลยครับช่วงนี้ ถ้าไปเที่ยวป่าตอนนี้ก็จะพบกับความอุดมสมบูรณ์เขียวขจีกันเลยทีเดียวเชียว ขอแนะนำที่นี่เลยครับ น้ำตกตรอกนอง จันทบุรี

น้ำตกตรอกนอง เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติ น้ำตกพลิ้ว กลุ่มน้ำตกตรอกนอง เพราะที่นี่เขามีน้ำตกที่อยู่ใกล้กัน 3 แห่งครับ น้ำตกตรอกนองอยู่ในเขต อ.ช. น้ำตกพลิ้ว แต่ที่นี่ต้องเดินเข้ามาจากทางหน่วยพิทักษ์ อช. ที่ 1 พล. (ตรอกนอง) เข้าสู่ตัวน้ำตกสองข้างทางของทางเข้าน้ำตกนั้นเป็นป่าดงดิบชื้นบรรยากาศร่มครึ้ม เหมาะอย่างสำหรับเพื่อนๆที่จะมาเดินป่าเพื่อที่จะดูนกชนิดต่างๆ เพราะที่นี่จัดเป็นเส้นทางดูนกที่จะพบกับนกที่หาดูได้ยากอยู่หลายชนิดเลยละครับ

แต่ถ้าใครที่มาที่น้ำตกตรอกนองช่วงเดือน มกราคม-เมษายน เพื่อนๆอาจจะได้พบกับกล้วยไม้ที่สวยงาม ชื่อว่า เหลืองจันทบูร เป็นกล้วยไม้ป่าในสกุลหวายเป็นกล้วยไม้พื้นเมืองเฉพาะถิ่นของ จันทบุรี ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นกล้วยไม้ที่สวยงามมากพันธุ์หนึ่งเลยทีเดียว

สิ่งที่น่าสนใจของ กลุ่มน้ำตกตรอกนอง จันทบุรี


น้ำตกไม้ซี่ อยู่ห่างจากหน่วยพิทักษ์ฯ 500 ม. ทางเดินเลาะไปตามลำธารตรอกนอง ใช้เวลาในการเดินไม่ถึง 10 นาที เป็นน้ำตกขนาดเล็ก ไหลผ่านผาหินไม่ใหญ่นัก ด้านหน้าน้ำตกมีแอ่งน้ำเล็กที่ให้เพื่อนได้ลงเล่นน้ำได้ครับ

น้ำตกกลาง อยู่ห่างจากน้ำตกไม้ซี่ประมาณ 2 กม. ทางเดินค่อนข้างลำบากและลื่นมากในฤดูฝน น้ำตกที่นี่มีขนาดค่อนข้างใหญ่แต่ไม่สูงนักเป็นโตรกธารน้ำใสไหลลดหลั่นมาจากผาหิน

น้ำตกตรอกนอง อันนี้เป็นพระเอกของเราเลยครับเอาไว้ตอนท้ายๆ ^^ อยู่ห่างจากน้ำตกกลางไปอีก 500 ม. ใช้เวลาเดินทางจากหน่วยพิทักษ์ฯ ไปถึงน้ำตกราว 1 ชั่วโมง ทางเดินค่อนข้างจะวกวน บางมีปีนป่ายโขด และอาจจะหลงทางได้ (ห้ามไปคนเดียวนะจ๊ะ) มีทากชุกชุม เพื่อนที่จะเดินทางไปควรจะให้เจ้าหน้าที่นำทางไปนะครับ น้ำตกแห่งนี้เป็นน้ำตกที่มีน้ำไหลแรงตลอดปี สายน้ำไหลลงจากหน้าผาลงสู่แอ่งน้ำเล็กข้างล่างเป็นภาพที่สวยงาม บริเวณรอบน้ำตกเป็นป่าดงดินชื้น มีพันธุ์ไม้ที่น่าสนใจมากมาย เช่น ยาง สมพง กล้วยไม้อย่างที่ได้พูดถึงไปแล้วก่อนหน้านะครับ นั้นก็คือ เหลืองจันทบูร นั่นเอง บรรยากาศของน้ำตกตรอกนองเงียบสงบ เทือกเขาหินในบริเวณนี้จึงเป็นจุดที่พบเลียงผาได้บ่อย โดยเฉพาะช่วงเย็น^^

การเดินทางมาน้ำตกตรอกนอง จันทบุรี


จากอำเภอเมืองจันทบุรี ใช้ทางหลวงหมายเลข 3  ไปจนถึงตัวอำเภอขลุงจากนั้นเลี้ยวซ้ายที่สี่แยกขลุงเข้าทางหลวงหมายเลข 3277 ไปประมาณ 10 กม. ถึงบ้านตรอกนอง ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยตรงข้ามป้อมตำรวจตรอกนองไปประมาณ 2 กม. ถึงหน่วยพิทักษ์ อช. ที่ พล.1 (ตรอกนอง) แล้วเดินต่อไปอีก 2 กม.

ที่นี่มีค่าธรรมเนียมเข้านะครับ ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท มีเรือนนอนพักได้ 30 คน และมีสถานที่กลางเต็นท์ ให้ด้วยครับ ติดต่อเข้าหน้าที่อุทยาน ได้ที่ 0-3943-4528 เที่ยวให้สนุกรัษาธรรมชาติด้วยนะครับ

วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เที่ยวน้ำตกคลองนารายณ์ เดินป่าศึกษาธรรมชาติ ณ จันทบุรี

เที่ยวน้ำตกคลองนารายณ์ เดินป่าศึกษาธรรมชาติ ณ จันทบุรี


ร้อนๆๆๆเพื่อนๆหลายคนก็ต้องบ่นแบบนี้แน่นอนเราเพราะว่าอากาศตอนนี้มันร้อนจริงๆครับไม่รู้จะร้อนไปไหน อยากหาที่เย็นๆพักผ่อน วันนี้มีที่มาแนะนำครับ ก็คือ “น้ำตกคลองนารายณ์

น้ำตกคลองนารายณ์ เป็นน้ำตกขนาดกลาง สูงประมาณ 25 ม. มีสายน้ำไหลลงมาจากผาสูงชันลดหลั่นลงมาตามโขดหิน น้ำใสสะอาดมากมายครับที่นี่มีน้ำมากตลอดปี บรรยากาศโดยรอบค่อนข้างเงียบสงบอยู่ท่ามกลางป่าดงดิบที่อุดมสมบูรณ์มีพันธุ์ไม้หลายชนิด เช่น พนอง กฤษณา สัตตบรรณ เป็นต้น

น้ำตกคลองนารายณ์ เป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ 1 ใน 18 แห่งที่มีอยู่ทั่วประเทศไทย ซึ่งนำน้ำจากที่นี่ไปใช้ในพิธีการบรมราชาภิเษก คือพระราชพิธีในการ สถาปนาขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ 

ไม่มีประวัติว่าการนำน้ำจากน้ำตกแห่งนี้มาเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์มีขึ้นตั้งแต่สมัยใด ตำนานเล่าว่า น้ำตกคลองนารายณ์ไหลออกมาจากโพรงถ้ำใหญ่บนเขาสระบาป ภายในมีเทวรูปพระนารายณ์สถิตอยู่ อย่างไรก็ตามยังไม่ได้มีการพิสูจน์แต่อย่างใดว่าในนั้นมีเทวรูปอยู่จริงหรือไม่ และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเคยสรงน้ำในธารน้ำตกแห่งนี้ครับ

สิ่งที่น่าสนใจของ น้ำตกคลองนารายณ์ จันทบุรี


อ่างอมร อยู่ห่างจากที่จอดรถที่ทางน้ำตกคลองนารายณ์จัดไว้ให้เพียง 50 ม. เป็นแอ่งน้ำขนาดเล็กที่เกิดจากหมู่หินเรียงรายขวางกั้นลำธาร บริเวณรอบๆของอ่างอมรเป็นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทาง 500 ม. ทางได้มีการเลาะเลียบไปตามลำธารและน้ำตกแล้ววนกลับมาบริเวณอ่างศาล ระหว่างเส้นทางศึกษาธรรมชาติมีโพรงหินขนาดใหญ่คล้ายถ้าขนาดเล็ก ไม่ลึกมาก ชาวบ้านแถวนั้นเรียกที่นี่ว่า “ถ้ำนารายณ์” แต่เป็นที่น่าเสียดายมากครับเพราะว่าปัจจุบันไม่เหลือความเป็ยถ้ำอีกแล้ว

อ่างศาล อยู่ห่างจากลานจอดรถของน้ำตกคลองนารายณ์ประมาณ 150 ม. ที่นี่มีชื่อเดิมว่า “อ่างหงษ์” เป็นแอ่งน้ำที่ลึกระดับอก เกิดจากการไหลของน้ำลดหลั่นลงมาตามโตรกหิน เดิมทีที่นี่บริเวณโขดหินอ่างศาลมีลักษณะเป็นก้อนอิฐซึ่งเป็นซากของจุลสีห์จุมภตเจดีย์ ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นพร้อมศาลาประทับ เมื่อคราวธุดงค์น้ำตก แต่ปัจจุบันไม่มีให้เห็นอีกแล้ว

การเดินทางและที่ตั้ง


น้ำตกคลองนารายณ์ตั้งอยู่ที่  ในเขตบ้านคลองนารายณ์ และสระบาป ต. คลองนารายณ์ อ.เมือง จ.จันทบุรี


การเดินทาง จากตัวเมืองจันทบุรีให้ข้ามสะพานตรีรัตณ์ตรงไปตามทางจนถึงแยกศักดิ์ชัย ให้เลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 3 ไปทาง อ.ขลุง ประมาณ 3 ก.ม. พบทางแยกซ้ายให้เลี้ยวเข้าไปอีก 2 ก.ม. ถึงลานจอดรถของหน่วยพิทักษ์ อ.ช. ที่ พล. 3 ต่ออีกประมาณ 3 กม. ตัวน้ำตกคลองนารายณ์ครับ

เป็นยังไงกันบ้างครับกับความน่าสนใจของน้ำตกคลองนารายณ์ จังหวัดจันทบุรี ที่เที่ยวคลายร้อยที่แนะนำถ้าใครมาที่นี่รับรองไม่มีผิดหวังแน่นอนครับกับบรรยากาศที่เงียบสงบกับธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ของน้ำตกคลองนารายณ์ จันทบุรี

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ชมเมืองโบราณที่จันทบุรี ณ วัดทองทั่ว

ชมเมืองโบราณที่จันทบุรี ณ วัดทองทั่ว


จันทบุรี ก็เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานมีสถานที่โบราณก็หลายแห่ง ถ้าเป็นประวัติเกี่ยวกับขอมโบราณต้องที่นี่เลยครับ วัดทองทั่ว เป็นวัดเก่าแก่ ซึ่งที่นี่เป็นที่เก็บรักษาศิลปวัตถุสมัยขอมโบราณหลายชิ้นด้วยกัน และอีกอย่างที่ใกล้ๆกันนั้นก็มี เมืองโบราณ มีชื่อว่า เมืองเพนียด แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันเหลือเพียงแต่ซากกำแพงที่ทำจากศิลาแลง

มีเรื่องเล่าตำนานแห่งวัดทองทั่ว


มีเรื่องเล่ากันมาอยู่ว่า เมืองโบรานจันทบูรเชิงเขาสระบาปมีกษัตริย์ทรงพระนามว่าพระเจ้าพรมทัต มีโอรสสององค์คือพระไวยทัตและพระเกตุทัต ต่อมาพระมเหสีได้สิ้นพระชนม์ พระเจ้าพรมทัตจึงได้ทำการอภิเษกกับพระมเหสีองค์ใหม่มีนามว่าพระนางกาไว มีโอรสด้วยกันหนึ่งองค์ ต่อมาพระเจ้าพรมทัตได้สิ้นพระชนม์ พระนางกาไวก็สถาปนาพระโอรสของตนขึ้นเป็นกษัตริย์โดยนางเป็นผู้สำเร็จราชการแทน เมืองนี้จึงมีชื่อเรียกว่าเมองกาไว

โอรสสององค์ของพระเจ้าพรมทัตเมื่อทราบข่าวว่าพระนางกาไวขึ้นครองเมือง ก็ยกกองทัพเพื่อมาชิงเมืองคืน พระนางกาไวสู้ไม่ได้จึงนำทรัพย์สินขึ้นหลังช้างที่เมืองเพนียด ระหว่างทางกองทัพของพระไวยทัตติดตามมาอย่างกระชั้นชิด พระนางเห็นจวนตัวจึงใช้อุบายโปรยทองเพื่อให้ทหารของพระไวยทัตเก็บ แล้วพระนางก็สามารถหนีลงเรือไปได้ บริเวณพระนางกาไวหว่านทองคำไว้ เรียกกันว่าบ้านทองทั่ว ปัจจุบันที่นั้นมีวัดทองทั่วตั้งอยู่

เรื่องเล่าของเมืองเมองโบราณเพนียด


เล่ากันว่า เมื่อปี พ.ศ. 2446 ฝรั่งเศสได้จ้างชาวทองทั่วขนย้ายศิลาแลงและอิฐ ตลอดจนชิ้นส่วนของปราสาทหินจันทบูรในเมืองเพนียด เพื่อนำไปถมเป็นฐานรากของอาคารริมแม่น้ำจันทบุรีแต่ชาวบ้านเห็นว่า เฮ้ยนี่มัน!!! เป็นของโบราณมีคุณค่าแน่ๆเลย จึงได้ร่วมกันขนมาทั้งไว้ที่ป่าหลังวัดกลาง ต่อมาเมื่อมีการถางป่าบริเวณนั้น เพื่อสร้าง รร.เบญจมราชูทิศ(โรงเรียนชายประจำหวัด) ได้พบศิลาแลงเป็นจำนวนมาก

เศษชิ้นส่วนพวกนี้ปัจจุบันจึงได้ถูกเก็บรักษาเป็นอย่างดีไว้ที่วัดกลาง จนกระทั่ง พ.ศ. 2542 ชมรมรักษ์จันทบูรจึงได้ทำการขนย้ายไปเก็บไว้ที่โบสถ์หลังเก่าของวัดทองทั่ว เพื่อรอเพื่อที่จะบูรณะเมองเพนียด เมืองเพนียดได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อปี พ.ศ. 2475

สิ่งที่น่าสนใจของวัดทองทั่วและเมืองเพนียด


ซากโบราณวัตถุศิลปะขอม อยู่ภายในโบสถ์หลังเก่าประกอบด้วยศิลาสลักเป็นรูปงาช้าง ชิ้นส่วนทับหลังศิลปะแบบไพรกเมง(คืออะไรหว่า???) ประติมากรรมภาพสลักลายเส้นพระพิฆเนศ โดยเฉพาะทับหลังแบบถาลาบริวัต อาบุประมาณ 1400 ปี เป็นทับหลังที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยเลยทีเดียว

ซากโบราณสถานเมืองเพนียด หรือมีชื่อเรียกอีกอย่างปราสาทหินจันทบูร ปัจจุบันที่นี่เหลือเพียงแต่แนวกำแพงศิลาแลงและคันดินกว้าง 16 ม. ยาว 26 ม. สูง 3 ม. มีอายุมากกว่า 1000 ปี เนื่องจากชิ้นส่วนได้ถูกขนย้านออกไปเป็นขำนวนมาก จึงเหลือไว้ ๔ ที่แห่งนี้เพียงเท่านี้

นักโบราณคดีสันนิษฐานว่า บริเวณเมืองเพนียดน่าจะมีปราสาทสองถึงสามหลัง รวมทั้งส่วนที่เป็นบารายหรืออ่างเก็บน้ำ และเชื่อว่าเมืองเพนียดน่าจะเก่ากว่า นครวัด นครธมของเขมร เนื่องจากมีการพบว่าทับหลังศิลปะแบบถาลาบริวัตซึ่งเป็นรูปแบบที่เก่าแก่กว่านครวัด นครธมนับร้อยกว่าปี

ที่ตั้งของวัดทองทั่วและเมืองเพนียดจันทบุรี


อยู่ที่ ทางหลวงหมายเลข 3 บริเวณหลักกิโลเมตร 338 ต.คลองนารายณ์ อ.เมือง จ.จันทบุรี

การเดินทางข้ามสะพานตรีรัตน์ไปจนถึงแยกศักดิ์ชัย ให้เลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 3 ไปทาง อ. ขลุง ประมาณ 2 ก.ม. พบทางแยกขวาเลี้ยวเข้าไปถึง รร.วัดทองทั่ว จากนั้นเลี้ยวขวาเข้า รร. วัดอยู่ด้านหลังโรงเรียน และจากบริเวณสามแยกหน้าโรงเรียนตรงไปประมาณ 500 ม. พบซอยแคบๆทางซ้ายให้เลี้ยวเข้าไปเล็กน้อย จะถึงโบราณสถานเมืองเพนียด

เป็นยังไงกันบ้างครับกับประวัติของวัดทองทั่วและเมืองเพนียดถ้าใครได้มีโอกาสมาเที่ยวชมทีนี่แล้วก็จะรู้สึกถึงความขลังของประวัติศาสตร์อันเก่าแก่และน่าหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง มี ของโบราณให้ได้ชมกับเผลอถ้าใครโชคดีอาจจะได้เจอกับทองคำที่พระนางกาไวโปรยไว้ก็เป็นได้ครับ^^

วันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ตำนานน่ารู้ของพลอยเมืองจันท์

ตำนานน่ารู้ของพลอยเมืองจันท์


เป็นเรื่องที่เล่าต่อ ๆ กันมาว่าจุดที่เกิดพลอยจันท์แห่งแรก ๆ นั้นอยู่บริเวณเขาพลอยแหวนจังหวัดจันทบุรี ซึ่ง เป็นชื่อเรียกกันมานานแต่ครั้งโบราณ สมัยก่อนการหาพลอยไม่ได้ใช้เครื่องมือหนัก ไม่ต้องเปลืองน้ำมัน เพราะบริเวณเขาพลอยแหวนนั้นพลอยดกมากแค่เขี่ย ๆ ตามพื้นดินก็พบพลอยแล้ว พลอยที่พบจะเป็นพลอยเขียวส่อง บุษราคัม พลอยสตาร์ และไพลิน

ชาวบ้านจะสนุกสนานในการหาพลอยก็ต่อเมื่อหลังฝนตกหนักเพราะหลังฝนใหญ่ หน้าดินจะถูกน้ำชะไป พลอยและก้อนกรวดจะปรากฏที่หน้าดิน ชาวบ้านซึ่งชำนาญจะแยกออกว่าเม็ดไหนกรวด เม็ดไหนพลอย แต่มีใครกี่คนที่ทราบว่า มีการพบ พลอยจันท์ มานานเท่าไหร่แล้ว ถ้าถามชาวบ้านในพื้นที่ คนเก่าแก่ก็อาจตอบว่า ตอนพ่อแม่เป็นเด็กก็เห็นมีพลอยแล้ว ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีมานานเท่าไหร่จริง ๆ

ในสยามจดหมายเหตุได้กล่าวถึงตอนที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เสด็จประพาสจันทบุรีไว้ว่า "ได้มีราษฎรนำผลไม้และพลอยหลากสีมาถวาย" ซึ่งครั้งนั้นตรงกับปีพุทธศักราช 2419 แต่ก่อนหน้านั้นไม่พบหลักฐานบันทึกไว้

เขาพลอยแหวน บางกะจะ บ่อไร่ หนองบอน นาวง ตกพรม บ่อเวฬุ อีเล็ม ฯลฯ เหล่านี้คือ แหล่งที่มีการค้นพบพลอยคุณภาพแห่งภาคตะวันออกของไทย จนทำให้จังหวัดจันทบุรีกลาย เป็นที่นัดพบของพ่อค้าพลอยชาวไทยเรื่อยมา หลังจากยุคตื่นพลอยที่บ่อไร่ หนองบอน นาวง และชื่อทับทิมสยาม เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติโดยทั่วไป จึงเริ่มมีนักธุรกิจจากทั่วโลกเข้ามาติดต่อซื้อขายพลอยที่จันทบุรีมากขึ้น โดยลำดับ วันนี้ของชาวจันทบุรีมี ทรัพยากรธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไปมากตามเวลาที่ล่วงเลย ใต้ดิน...วัตถุดิบร่อยหรอ บนดิน...ความรู้ และประสบการณ์เพิ่มพูน ยากที่ใครจะตามทัน จังหวัดจันทบุรีได้ อาศัยประสบการณ์ที่สั่งสม แสวงหาวัตถุดิบจากทุกมุมโลก พลอยก้อน จากทุกแหล่งของโลก ถ่ายเทมาที่นี่ พม่า เขมร เวียดนาม ศรีลังกา ออสเตรเลีย ลาว จีน มาดากัสการ์ แทนซาเนีย ไนจีเรีย อาฟริกา และอีกหลาย ๆ ประเทศ ทุกวันนี้เราจะเห็นชาวต่างชาติ ทุกสีผิว เข้ามาทำธุรกิจพลอยในเมืองจันทบุรีกันคึกคัก
ที่นี่...จันทบุรี... เป็นทั้งแหล่งของการขุดพบ แหล่งกำเนิดพลอยสีของไทย แหล่งซื้อขายพลอยก้อนและ
พลอยเจียระไน


>เป็นแหล่งที่ตั้งโรงงานเจียระไนชั้นยอด

>เป็นแหล่งสร้างฝีมือการเจียระไนชั้นเยี่ยม

>เป็นแหล่งกำเนิดโรงงานเผาพลอยเลื่องชื่อของโลก

ที่นี่...จังหวัดจันทบุรี...


เป็นต้นน้ำที่สำคัญของธุรกิจส่งออกของอัญมณีและเครื่องประดับซึ่งนำเงินตราเข้าประเทศปีละหลายหมื่นล้านบาท

คน จันท์....เวลานี้ไปอยู่ทุกแห่งทั่วโลก  เพื่อไปเสาะแสวงหาพลอยซึ่งเป็นหินมีค่า ไม่ว่าจะเป็นทับทิม  บุษราคัม และพลอยหลากสี
พลอยที่มีค่าเหล่านี้กลายเป็น...ตัวแทนของความรัก

เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี...ซึ่งขายไปทุกแห่งทั่วโลก

วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ชมความมหัศจรรย์ในถ้ำ อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง จันทบุรี

ชมความมหัศจรรย์ในถ้ำ อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง จันทบุรี


นอกจากน้ำตก ทะเล ผลไม้ ของจังหวัดจันทบุรีแล้วยังมีสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดจันทบุรีที่หลายคนไม่รู้ด้วยว่ามาจันทบุรีแล้วจะมีถ้ำให้ได่สัมผัสธรรมชาติและเรื่องเล่าแปลกๆของสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดจันทบุรีแห่งนี้กันอีกด้วยที่นั้นคือ "ถ้ำเขาวง" สถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดจันทบุรี

อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง จันทบุรี


เป็นแหล่งกำเนิดของลำน้ำประแสร์ แม่น้ำสายหลักของจังหวัดระยอง มีพื้นที่ 83.68 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมกิ่งอำเภอเขาชะเมา จังหวัดระยอง และ อำเภอแก่งหางแมว จังหวัดจันทบุรี แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจของอุทยานในเขตจังหวัดจันทบุรี ได้แก่ ถ้ำเขาวง

ถ้ำเขาวง อยู่บ้านเขาวงกต ลักษณะภูมิประเทศมีทั้งเขาหินปูน และป่าดงดิบ พันธุ์ไม้ที่สำคัญได้แก่ต้นจันทน์ผาซึ่งปัจจุบันนี้นับเป็นไม้ที่มีค่าทาง เศรษฐกิจมาก สัตว์ป่าสงวนชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ที่นี่ คือ เลียงผาจุดเด่นของที่นี่คือมีการสำรวจพบถ้ำถึง 80 กว่าแห่ง ถ้ำที่เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวมีประมาณ 20 ถ้ำ แบ่งเป็น 3 โซน ถ้ำทั้งหมดมีทางเชื่อมถึงกัน ใช้เวลาเพียงวันเดียวก็เที่ยวทั่ว สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางได้จากหน่วยพิทักษ์อุทยานที่เขาวงจังหวัดจันทบุรี

ถ้ำทั้งหมดมีทางเชื่อมถึงกัน ใช้เวลาเพียงวันเดียวก็เที่ยวทั่ว สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางได้จากหน่วยพิทักษ์อุทยานที่เขาวง การเข้าชมถ้ำควรนำไฟฉายติดตัวไปด้วยเนื่องจากในถ้ำไม่มีแสงสว่างบางถ้ำมี ประวัติที่พิสดาร เช่น “ถ้ำโรงบ่อน” เมื่อ สมัยก่อนประกาศเป็นอุทยานฯ พ.ศ. 2517 ชาวบ้านมักจะแอบมาเล่นการพนันที่นี่เพราะลับตาตำรวจ  บางถ้ำกว่าจะถึง ระหว่างทางที่เดินไปทำให้เราได้สัมผัสธรรมชาติจริงๆ เช่น “ถ้ำลอด” ต้องลุยน้ำปริ่มเข่าเข้าไปจนถึง จุดเด่นของถ้ำคือ น้ำที่ไหลลงมาจากผาเหมือนน้ำตกน้อยๆในถ้ำ  “ถ้ำชุมแสง” จะสวยงามมากเมื่อต้องแสงอาทิตย์ยามบ่าย  ยังมี”ถ้ำละคร” ซึ่ง มีค้างคาวอาศัยอยู่มากจนชาวบ้านบางครั้งยังขึ้นมาขุดขี้ค้างคาวไปใช้เป็น ปุ๋ยใส่ต้นเงาะ ทุเรียนในสวน แต่เนื่องจากถ้ำละครอยู่ใกล้จึงมีคนมาเที่ยวมาก ถ้ำจึงทรุดโทรม นักท่องเที่ยวบางคนชอบหักหินงอกหินย้อยเล่น ผนังถ้ำจึงเป็นรอยอยู่ทั่วไป โดยที่ไม่ทราบว่าคราบเหงื่อ หรือไขมันที่ผิวหนังจะทำให้แคลเซียมคาร์บอเนตหรือแคลไซต์ไม่สามารถเชื่อมติด กันได้ ฉะนั้นเพียงเราสัมผัสเบาๆที่หินงอกหินย้อยนั้นก็อาจทำให้มันไม่สามารถเจริญ เติบโตต่อไปได้อีกหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือตายไปนั่นเอง

การเดินทางมาอุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวงจันทบุรี


ลักษณะภูมิอากาศของอุทยานฯ ในฤดูฝนระหว่างเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม จะมีฝนตกชุก ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยปีละ 3000 มิลลิเมตร ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ อากาศเย็นสบาย และฤดูร้อนระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน อุณหภูมิโดยเฉลี่ย 26-27 องศาเซลเซียส เดินทางไปตามเส้นทางระยอง-จันทบุรี ก่อนถึงตัวเมืองจันท์ราว 40 กิโลเมตร แยกซ้ายจากถนนสุขุมวิทที่ กม. 288 เข้าทางหลวงหมายเลข 3344 บริเวณตลาดนายายอามเป็นระยะทาง 15 กิโลเมตร

วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เสื่อเมืองจันท์แท้ ต้องเสื่อจันทบูร

เสื่อเมืองจันท์แท้ ต้องเสื่อจันทบูร


คำว่า เสื่อจันทบูร ปรากฎอยู่ในคำขวัญของจังหวัดจันทบุรี หลายๆอาจจะสงสัยว่าเสื่อจันทบูรต่างขากเสื่อที่อื่นตรงไหน วันนี้ข้อข้องใจหลายๆอย่างจะปรากฎให้เห็นที่นี่ครับหมู่บ้านทอเสื่อบางสระ เก้า เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดจันทบุรี มาดูลายละเอียดของที่นี่กันครับ

หมู่บ้านทอเสื่อบางสระเก้า เป็น อีกหมู่บ้านหนึ่งที่นำกกมาประดิษฐ์เป็นเครื่องใช้ต่าง ๆ อีก เช่น กระเป๋า กล่องใส่กระดาษเช็ดมือ ที่รองจาน ที่ใส่จดหมาย และรองเท้าแตะ จากนั้นจึงนำมาขายให้กับศูนย์แปรรูปเสื่อซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านของ คุณสุริยา แก่นจันทร์ โดยศูนย์แห่งนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมและซื้อสินค้าได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.30-18.00 น. สนใจติดต่อได้ที่ โทร. (039) 450-585, (039) 450-587

ข้อมูลเพื่อการเดินทางไปหมู่บ้านทอเส่อบางสระเก้า
หมู่บ้านทอเส่อบ้านบางสระเก้า ตั้งอยู่ที่ ต.บางสระเก้า อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี แต่ สามารถใช้เส้นทางเดียวกับทางไปหมู่บ้านเสม็ดงาม เมื่อถึงสามแยกวัดเกาะโตนดตรงมาจนถึงสามแยกวัดตะเคียนทอง เลี้ยวขวาและตรงไปอีก 200 เมตร หรืออีกเส้นทางหนึ่งคือ จากตัวเมืองจันทบุรีข้ามสะพานตรีรัตน์ไปยังถนนสุขุมวิท เลี้ยวขวาทางไปตราดประมาณ 8 กิโลเมตร จะมีทางแยกขวาไปบ้านบางสระเก้าเป็นระยะทางอีก 8 กิโลเมตร

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น (น้ำตกน้ำเป็น)จังหวัดจันทบุรี

อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น (น้ำตกน้ำเป็น)จังหวัดจันทบุรี


อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น (น้ำตกน้ำเป็น) มีแหล่งท่องเที่ยวด้านธรรมชาติที่สวยงาม น้ำตกคลองสะบ้า เป็นน้ำตกขนาดกลางอยู่ในเทือกเขาสิบห้าชั้น มี 6 ชั้น มีน้ำไหลตลอดปี อยู่ทางทิศตะวันออกของที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ประมาณ 6 กิโลเมตร น้ำตกเขาสิบห้าชั้น น้ำตกเขาสิบห้าชั้น หรือน้ำตกคลองไทร เป็นน้ำตกขนาดกลาง จะมีน้ำไหลตลอดปี อยู่ห่างจากที่ทำการอำเภอแก่งหางแมวประมาณ 35 กิโลเมตร ใกล้เขตจังหวัดสระแก้ว การท่องเที่ยวและการเข้าถึงจะทำได้ในช่วงฤดูแล้ง สามารถศึกษาธรรมชาติ ในทางเดินศึกษาธรรมชาติที่ทางอุทยานแห่งชาติได้จัดทำไว้ จากที่ทำการอุทยานแห่งชาติถึงน้ำตกระยะทาง 4.8 กิโลเมตร เนินประดู่ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน สามารถไปกางเต็นท์พักแรมในบริเวณที่ราบเนินประดู่เพื่อพักผ่อน ศึกษาดูดาวบนท้องฟ้า และเดินป่าระยะไกลจากที่พักแรมไปน้ำตกสะบ้า ระยะทาง 6 กิโลเมตร สภาพป่าอุดมสมบูรณ์ สัตว์ป่าที่พบเห็น ได้แก่ ลิง ชะนี ช้าง กระทิง วัวแดง

นอกจากนั้นทางอุทยานฯ มีสถานที่กางเต็นท์ไว้บริการ โดยนักท่องเที่ยวต้องนำเต็นท์มาเอง จุดแรกคือ คลองมะเดื่อ จุดที่สองคือ บริเวณน้ำตกอีเกก และที่จุดนี้ยังเป็นเส้นทางออฟโรด (0FFROAD) นักท่องเที่ยวควรใช้รถยนต์โฟร์วิลไดร์ (4WD) ที่มีสมรรถนะสูง เครื่องยนต์กำลังแรงดี มีระยะทาง 20 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 7-8 ชั่วโมง

ข้อมูลเพื่อการเดินทางไปอุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น (น้ำตกน้ำเป็น)
ตั้ง อยู่ที่ตำบลขุนซ่อง สามารถนั่งรถประจำทางจากกรุงเทพฯ นั่งรถมาลงที่อำเภอนายายอาม แล้วมาต่อรถสองแถวที่ตลาดมาลงที่หน้าอุทยานฯ ค่ารถคนละ 40 บาท หรือจะเหมารถสองแถวที่ตลาดอำเภอนายายอาม ในราคา ประมาณ 200-300 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. (089) 550-3639

วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

พระตำหนักเทา วังสวนบ้านแก้ว ณ จันทบุรี

พระตำหนักเทา วังสวนบ้านแก้ว ณ จันทบุรี


พระตำหนักวังสวนบ้านแก้ว ตั้ง อยู่ภายในมหาวิทยาราชภัฏรำไพพรรณี ห่างจากตัวเมือง 6 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 316 เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 ภายในจัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงสิ่งของเครื่องใช้ส่วนพระองค์ในวิถีชีวิตที่ เรียบง่ายแบบสามัญชน และยังมีโบราณวัตถุที่เก็บจากท้องที่จังหวัดจันทบุรีมาแสดงไว้ด้วย

ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดจันทบุรี (พระตำหนักใหญ่ / พระตำหนักเทา)


เป็นบ้านชั้นครึ่ง ครึ่งตึกครึ่งไม้ ทาด้วยสีเทาควันบุหรี่ พระองค์โปรดเกล้าฯให้ หม่อมเจ้าสมัยเฉลิม กฤดากร ทรงออกแบบและควบคุมการก่อสร้างพระตำหนักนี้ ทรงใช้เป็นที่ประทับส่วนพระองค์ และรับรองพระราชอาคันตุกะ ชั้นบนเป็นห้องพระบรรทม ซึ่งมีเฉลียงที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามของวังสวนบ้านแก้ว ถัดจากห้องพระบรรทมลงมาเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นห้องทรงพระสำราญอิริยาบถและรับแขกนอกจากนั้นก็มีห้องเครื่องฝรั่ง และห้องเตรียมเครื่องเสวย

พระตำหนักวังสวนบ้านแก้ว และศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดจันทบุรี

การเดินมาวังสวนบ้านแก้ว


ที่อยู่ : ตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยราภัฏรำไพพรรณี ตำบลเขาไร่ยา อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี
การเดินทาง : ห่างจากตัวเมือง 6 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 316 การเดินทางเริ่มจากถนนสุขุมวิท ก่อนเข้าตัวเมือง เมื่อถึงสี่แยกเขาไร่ยา ให้เลี้ยวขวามาตามถนนรัศักดิ์ชมูล ซึ่งเป็นถนนเข้าตัวเมือง สถาบันฯ จะอยู่ด้านซ้ายมือ ห่างจากสี่แยกเขาไร่ยาประมาณ 1 กม. เศษ เมื่อขับรถเข้าไปในสถาบันฯ จะผ่านสนามกอล์ฟ และผ่านทางสามแยกไปยังโรงอาหาร และอาคารเรียน ตำหนักเทาจะอยู่ถัดจากสามแยกประมาณ 400 เมตร

เวลาให้บริการ : 08:30-16:00 (จันทร์ – ศุกร์)
ค่าบริการ : ไม่เสียค่าธรรมเนียมเข้าชมสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
สำนักงาน ททท. ภาคกลาง เขต 4 (ระยอง-จันทบุรี)
153/4 ถ.สุขุมวิท ต.ตะพง อ.เมือง จ.ระยอง 2100

วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ตึกแดง มรดกแห่งความทรงจำของเมืองจันทบุรี

ตึกแดง มรดกแห่งความทรงจำของเมืองจันทบุรี


ตึกแดง สร้างขึ้นในสมัยร.ศ. ๑๑๒ หรือ พ.ศ. ๒๔๓๖ เมื่อฝรั่งเศสยึดครองจังหวัดจันทบุรี ได้ใช้เป็นที่พักของนายทหาร และเป็นกองอำนวยการอยู่บริเวณหาดปากน้ำแหลมสิงห์

ลักษณะ เป็นตึกชั้นเดียว ตึกแดงเป็นอาคารชั้นเดียว สร้างด้วยอิฐถือปูน กว้าง 7 เมตร ยาว 32 เมตร เดิมทาสีแดง จึงเรียกว่า"ตึกแดง" ภายในแบ่งออกเป็น 5 ห้องมีประตูเปิดถึงกันหมด มีระเบียงทั้งสองข้างตามแนวยาว

ตึกแดงเป็นอาคารที่ฝรั่งเศสสร้างขึ้นเมื่อ


พ.ศ.2436 หรือ ร.ศ. 112 ในบริเวณป้อมพิฆาตข้าศึก โดยรื้ออิฐจากป้อมมาสร้าง เพื่อใช้ตึกนี้เป็นกองรักษาการณ์ และที่พักของทหารที่รักษาปากน้ำแหลมสิงห์จังหวัดจันทบุรี ในครั้งนั้นฝรั่งเศสได้แผ่อิทธิพลครอบครองญวน และเขมร และหาเหตุรุกรานไทยโดยอ้างว่า ดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงคือ อาณาจักรลาวเกือบทั้งหมด รวมทั้งแคว้น 12 จุไท เคยเป็นของญวนและเขมรมาก่อน จึงถือโอกาสเข้ายึดครองทำสงครามสู้รบกับไทย ครั้งนั้นไทยต้องจ่ายค่าเสียหาย 4 ล้านบาท ก่อนจ่ายค่าเสียหาย ฝรั่งเศสจึงยึดจังหวัดจันทบุรีไว้ ตั้งแต่ พ.ศ.2436-พ.ศ.2446 จากวิกฤตการณ์ครั้งนั้นทำให้ไทยต้องสูญเสียดินแดนอาณาจักรลาวเกือบทั้งหมด รวมทั้ง 12 จุไทด้วย

ฝ่ายรัชกาลที่ 5 ทรงดำเนินการคานอำนาจเช่น ทรงแสวงหามิตรประเทศที่เป็นมหาอำนาจการยุโรป เช่น รัสเซีย เยอรมนี เพื่อคานอำนาจกับฝรั่งเศส รวมทั้งการเสด็จเยือนประเทศฝรั่งเศส ซึ่งพระราชกรณียกิจของพระองค์ ได้สร้างความประทับใจแก่ฝรั่งเศสเป็นอย่างมาก

โบราณสถานตึกแดงปัจจุบันใช้เป็นห้องสมุด และส่วนการศึกษานอกโรงเรียน บูรณะครั้งแรก พ.ศ.2527 ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติเมื่อ พ.ศ.2528

การเดินทางมายังตึกแดง


ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ อำเภอแหลมสิงห์ บริเวณท่าเรือแหลมสิงห์ อำเภอแหลมสิงห์ ใกล้กับคุกขี้ไก่ ห่างจากตัวเมืองจันทบุรี 30 กิโลเมตร สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2436

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

วัดไผ่ล้อม เที่ยวชมจิตรกรรมฝาผนังอันงดงาม

วัดไผ่ล้อม เที่ยวชมจิตรกรรมฝาผนังอันงดงาม


วัดไผ่ล้อม ที่นี่เป็นวัดที่สำคัญวัดหนึ่งของเมืองจันทบุรีเป็นวัดเก่าแก่และบังเป็นพนะอารามหลวงอีกด้วย วัดไผ่ล้อมมีโบสถ์ที่สวยงามซึ่งภายในมีจิตรกรรมฝาผนังที่น่าสนใจ ปัจจุบันวัดไผ่ล้อมมีการสร้างโบสถ์หลังใหม่เป็นสถาปัตยกรรมแบบรัตนโกสินทร์ ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ที่ใหญ่ที่สุดในภาดตะวันออก

วัดไผ่ล้อม เป็นวัดที่ตั้งอยู่บริเวณตัวเมืองจันทบุรี จาก รูปแบบทางสถาปัตยกรรม มีกำแพงแก้วล้อมรอบทั้ง 4 ด้านแต่ละด้านมีช่องทางเข้า ฉนวนด้านหลังมีเสารองรับ 5 ต้น ไม่มีบัวหัวเสา ฐานอาคารเป็นเส้นตรง ภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นภาพต้นไม้ประเภทบอนไซและดอกไม้แบบจีน เรื่องทศชาติ และพุทธประวัติ ลักษณะการเขียนน่าจะเป็นจิตรกรรมที่เขียนขึ้นหลังรัชกาลที่ 3  เนื่องจากมีชาวต่างชาติปรากฏเป็นจำนวนมากในภาพวาด

ประวัติวัดไผ่ล้อมจันทบุรี


สันนิษฐานว่าวัดไผ่ล้อมน่าจะถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สัมยอยุธยาตอนปลาย เนื่องจากโบสถ์เดิมเป็นทรงโค้งที่เรียกว่าตกท้องช้าง แบบเดียวกับสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาตอนปลายถึงต้นรัตนโกสินทร์ เมื่อประมาณ 80 กว่าปีก่อนวัดไผ่ล้อมเป็นศูนย์กลางการศึกษา พระสงฆ์ รวมถึงลูกหลานของชาวจันท์ จะมาเรียนหนังสือและมาศึกษาพระธรรมที่วัดนี้

การเดินทางมาวัดไผ่ล่อม จันทบุรี


ตั้งอยู่บนถนนตรีรัตน์ ตำบลจันทนิมิตร อยู่ทางซ้ายของแม่น้ำจันทบุรี  อยู่ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำจันทบุรี มีพื้นที่ 28 ไร่ วัดสร้างเมื่อปี พ.ศ.2320 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปี พ.ศ.2325 ได้รับคัดเลือกให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง เมื่อปี พ.ศ.2509 และ พ.ศ.2514 และได้รับโปรดเกล้า ฯ ให้ยกฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ เมื่อปี พ.ศ.2539ห่างจากโรงแรมเค.พี.แกรนด์ ประมาณ 500 เมตร

วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ชมวิวเมืองจันทบุรี นมัสการเจดีย์ที่ วัดเขาพลอยแหวน

ชมวิวเมืองจันทบุรี นมัสการเจดีย์ที่ วัดเขาพลอยแหวน


ในจันทบุรีมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่หลายแห่งแต่มีอยู่ไม่กี่แห่งที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่ชมวิวด้วย ถ้าเพื่อนๆมาที่จันทบุรีแล้วอยากชมวิวของเมืองจันท์ให้ทั่วแล้วละก็ผมขอแนะนำที่ยอดเขาพลอยแหวนที่นี่เป็นที่ตั้งของ "วัดเขาพลอยแหวน" วัดเขาพลอยแหวนเป็นวัดเล็กๆ ตั้งอยุ่บนเนินเขาพลอยแหวน เดิมบริเวณแห่งนี้เคยเห็นแหล่งขุดพลอยแห่งแรกของจังจันทบุรี ภายในวัดมีบันไดขึ้นสู่ยอดเขา ซึ่งเป็นที่ตั้งอขงเจดีย์บรรจุพรมบรมสารีริกธาตุ และฆณฑบพระพุทธบาท วัดแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อปี พ.ศ. 2530

วัดเขาพลอยแหวน ตั้งอยู่เชิงเขาพลอยแหวน หมู่ 4 บ้านห้วยระกำ ต.พลอยแหวน อ.ท่าใหม่ สร้างโดยพระยาจันทบุรีชื่อสองเมืองในสมัย ร.4 ที่นี่มีสถานที่น่าสนใจอยู่นั้นก็คือ เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและมณฑปพระพุทธบาท

เจดีย์ เป็นเจดีย์ทรงกลมแบบลังกา สูง 15 เมตร สร้างเมื่อปี พ.ศ.2379 ตามหลักฐานศิลาจารึกบนยอดเขาที่สร้างเจดีย์จารึกไว้ว่า สร้างวันที่ 711 จุลศักราช 1198 ปีวอก เป็นอิฐถือปูนขนาดกว้าง 4 วา ยาว 6 วา 3 ศอก รัชกาลที่ 5 ได้โปรดเกล้าให้พระยาพิชัยธิบดีศรี รณรงค์ฤาชัย (พระยาจันทบุรี) บรรจุพระบรมธาตุมีนามว่า "รัตนคีรีเจดีย์" ปัจจุบันได้บูรณะซ่อมแซมเป็นฐานกว้าง 6 วา ยาว 7 วา 3 ศอก

มณฑป ตั้งอยู่บนยอดเขาใกล้กับเจดีย์ มีฐานมณฑปกว้าง 4 วา 2 ศอก เป็นรูปจตุรมุข สูง 7 วา ในมณฑปประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2471 โดยสร้างแทนพระพุทธบาทเดิม ซึ่งเป็นพระพุทธบาทศิลาแลงที่แตกหักแต่ยังคงเก็บรักษาไว้

และก็ยังมีจุดชมวิว ณ บริเวณ ยอดเขาพลอยแหวน เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองได้รอบเมืองจันทบุรี ซ้องต้องเดินขึ้นบันไดจำนวน 600 ขั้น ทางขึ้นแวดล้อมด้วยป่าดงดิบเขียวชอุ่มระหว่างทางมีนกหลายชนิดให้ได้ดู จากบริเวณยอดเขาจะมองเห็นตัวเมืองที่บริเวณเชิงเขาสระบาปที่อบู่ทางทิศตะวันตก และยังเห็นชายหาดแหลมสิงห์ อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ส่วนด้านตะวันออกเฉียงเหนือจะเห็นสวนผลไม้เขียวครื้ม

การเดินทางมาวัดเขาพลอยแหวน


จากตัวเมืองจันทบุรีใช้ถนนท่าแฉลบ ไปจนผ่านบ้านทำเนียบ เมื่อถึงกิโลเมตรที่ 3 ให้เลี้ยวขวาใช้ทางหลวงหมายเลข 3147 ผ่านค่ายเนินวงไปประมาณ 2 กิโลเมตร พบสถานีอนามัยทางซ้ายให้เลี้ยวขวาทางแยกเข้าสถานีฯไปอีก 2 กิโเมตรจะถึงบริเวณวัดครับผม^^

วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

สักการะ พระเจ้าตากและศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเมืองจันท์

สักการะ พระเจ้าตากและศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเมืองจันท์


จังหวัดจันทบุรีเป็นจังหวัดที่ทีเรื่องราวในประวัติศาสตร์สำคัญของ พระเจ้าตากสินมหาราช ที่นี่ก็มีสิ่งสำคัญทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับพระเจ้าตากสินมากมายและยังมีสถานที่ศักดิ์คู้บ้านคู่เมืองของ จันทบุรี นั้นก็คือ "ศาลพระเจ้าตากสินมหาราช" และบริเวณเดียวกันก็มีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งหนึ่ง คือ "ศาลหลักเมืองจันทบุรี"

ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของ จันทบุรี ที่บ่งบอกความผูกพันของเมืองจันท์ที่มีต่อพระเจ้าตากสินฯ โดยถ้าใครที่ได้มาที่ จันทบุรี แล้วไม่ได้สักการะพระเจ้าตากสินนั้นถือว่ายังมาไม่ถึง จันทบุรี กันเลยที่เดียว บริเวณเดียวกันก็ยังเป็นที่ตั้งของ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองจันทบุรี สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองจันทบุรีอีกแห่งด้วย

ประวัติศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ


ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ เดิมเป็นเพียงศาลไม้อยู่ด้านข้างศาลหลักเมือง ครั้นในสมัย ม.จ.สฤษดิเดช ชยางกูล สมุหเทศาภิบาลมณฑลจันทบุรีได้สร้างศาลใหม่ขึ้น เมือปี พ.ศ. 2463 บริเวณด้านหน้าค่ายทหารกอบพันนาวิกโยธิน คนละฝั่งกับศาลหลักเมือง เป็นศาลคอนกรีตสี่เหลี่ยมจัตุรมุข มีบันไดด้านหน้าและด้านข้างสามทาง กรมศิลปากรเป็นผู้ออกแบบ ภายในเป็นที่ประดิษฐานเทวรูป ซึ่งเป็นเทพเจ้าประจำพระองค์ของพระเจ้าตาก และไม่มีพระบรมรูปของพระเจ้าตากสินเช่นปัจจุบัน ต่อมาในปี พ.ศ. 2534 ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนชาวจันทบุรีได้ร่วมกันบริจาคเงินสร้างศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ขึ้นใหม่ เป็นศาลทรงเก้าเหลี่ยม เคียงคู่กับศาลเดิม

ศาลใหม่นี้ เป็นรูปทรงเก้าเหลี่ยมสร้างด้วยหินอ่อน พื้นเป็นหินแกรนิต หลังคาเป็นรูปพระมาลายอดแหลม สูงจากพื้นถึงยอด 16.9 เมตร ประดับลวดลายทอง ยอดบนเป็นฉัตรทองคำเก้าชั้น บันไดทางขึ้นมีสามด้าน ราวบันไดด้านหน้าเป็นรูปพญานาค ด้านหน้าศาลมีสิงห์คู่หนึ่ง ภายในมีพระบรมรูปของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หล่อด้วยทองเหลืองรมดำ ประทับนั่งทรงเมือง ผนังภายในเขียนลายไทยพุ่มข้าวบิณฑ์ไว้อย่างสวยงาม

ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองจันทบุรี


เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บริเวณเดียวกับศาลพระเจ้าตากสินฯ เป็นศาลหลักเมืองที่สร้างขึ้นด้วยความสวยงาม ศาลเดิมนั้นได้มีการสันนิษฐานว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินฯได้ทรงสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2310 ต่อมาได้มีสภาพทรุดโทรม ด้วยความร่วมมือของชาวจันทบุรีจึงได้ร่วมกันก่อสร้างศาลขึ้นมาใหม่ รวมทั้งหล่อองค์เจ้าพ่อหลักเมืองขึ้นมาใหม่ด้วย โดยวางศิลาฤกษ์เมื่อปี พ.ศ. 2524 ก่อสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2526 หลักเมืองเป็นแท่งศิลาสูง 3 เมตร ส่วนเจ้าพ่อหลีกเมืองเป็นเทพเจ้าจีนทุกวันจะมีคนไปไหว้สักการะ ขอพร ขอโชคลาภ เสี่ยงเซียมซี ภายบริเวณหน้าศาลหลักเมืองตอนกลางคืนมีหนังกลางแปลงฉาย จากผู้ที่มาแก้บน ศาลหลักเมืองเป็นศาลคู่จังหวัดจันทบุรีมีความศักดิ์สิทธิ์มากและปกปักษ์รักษาให้ชาวจังหวัดจันทบุรีมีแต่ความสุขและความเจริญทั่วกัน


การเดินทางมาสักกาละศาลพระเจ้าตากสินฯและศาลเจ้าพ่อหลักเมืองจันทบุรี


ตั้งอยู่ที่ ถ.ท่าหลวง ต.วัดใหม่ อ.เมือง จ.จันทบุรี

จากแยกแขวงการทางใช้ถนนท่าหลวงผ่าน ร.พ. กรุงเทพไปไม่ไกล ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินฯอยู่ทางขวาซ้ายมือ ก็จะเห็นศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินฯและศษลเจ้าพ่อหลักเมืองตั้งอยู่ข้างๆกันครับ

วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ชิว ชิว จันทบุรี ที่ หาดแหลมเสด็จ

ชิว ชิว จันทบุรี ที่ หาดแหลมเสด็จ


จะมองหาที่พักผ่อนสำหรับวัน สบายๆของเพื่อนๆสักที่ มันจะต้องเป็นที่ ที่จะได้พักพ่อนจริงๆ ไม่มีรถติด อากาศไม่เป็นพิษ แล้วก็ติดทะเลแล้วละก็ต้องเป็นที่นี่เลยครับ "หาดแหลมเสด็จ" เป็นชายหาดที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดจันทบุรี แหลมเสด็จเป็นชายหาดที่เงียบสงบอยู่ติดกับ อ่าวคุ้งกระเบน ชื่อของหาดแหลมเสด็จนี้มีที่มาคือ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี บรมราชินี ในรัชกาลที่ 7 ได้เคยเสด็จมาที่ ชายหาดแห่งนี้ จึงเป็นที่มาของชื่อครับ หาดแหลมเสด็จนอกจากจะเป็นชายหาดที่เงียบสงบเหมาะสำหรับการพักผ่อนแล้ว  ที่นี่ยังเป็นที่ศูนย์แสดงพันธ์สัตว์น้ำอีกด้วยครับ

หาดแหลมเสด็จ มีชายหายที่ขาวสะอาด น้ำทะเลใสมากครับ ที่นี่ไม่มีร้านค้ามาบดบังทิวทัศน์อันสวยงาม เหมาะแก่การมานั่งพักผ่อนสบาย ชิว ชิว  เล่นน้ำทะเล พักผ่อนริมชายหาด และ  บริเวณชายหาดยังมี สถานที่จัดแสดงสัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา ไปดูลายละเอียดของที่นี่กันครับ

สถานที่จัดแสดงสัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา หาดแหลมเสด็จ


ขึ้นชื่อว่าศูนย์แสดงสัตว์น้ำที่นี่เขามีการแสดงพันธ์สัตว์น้ำขนาดเล็ก จัดแสดงในตู้ปลาเล็กๆ 36 ตู้ด้วยกัน ส่วนใหญ่เป็นปลาในทะเล แล้วก็ยังมีปลารูปร่างแปลกตาให้ได้ตื้นเต้นกันอีกด้วยครับ ที่ตู้ปลายังมีข้อมูลปลาชนิดนั้นๆให้ได้เรียนรู้กันอีกด้วยครับ ปลาที่จัดแสดงที่นี่มีหลายชนิด เช่น ปลากะพง ปลาสลิดหินแขก ปลากุดสลาก ปลาอุณรุท ปลาสีกุน ปลาค้างคาว ปลานกแก้ว ปลาการ์ตูน ปลาสิงโต ปลาฉลามเสือดาว

ที่ด้านข้างสถานที่จัดแสดงสัตว์น้ำฯ มีร้านค้าชุมชนจำหน่ายอาหารและของดีเมืองจันท์ มีทั้ง ก๋วยเตี๋ยวเส้นจันท์ ปลากรอบ หมูชะมวงกระป๋อง น้ำปลา กะปิ เสื่อจันทบูร เป็นต้น

การเดินทางมาที่หาดแหลมเสด็จ


ที่ตั้ง บ้างคุ้งกระเบน ต.คลองขุด  อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี

รถยนต์ส่วนตัว จากถนนสุขุมวิทก่อนถึงตัวเมืองจันท์ราว 30 กิโลเมตร ถึงกิโลเมตรที่ 301 มีทางแยกขวาไปตามทางหลวง 3399 และจะพบป้ายทางแยกไปหาดต่าง ๆ เป็นระยะ และอีกเส้นทางหนึ่งคือ จากตัวเมืองเดินทางไปอำเภอท่าใหม่ระยะทาง ๑๗ กิโลเมตร ต่อด้วยเส้นทางที่ไปเขื่อนวังโตนดและเลยไปจนถึงชายทะเลได้เช่นกัน

รถรับจ้าง เหลารถสองแถวจากตัว เมืองจันทบุรี แล้วแต่จะตกลง

สำหรับใครที่อยากพักผ่อน ชิว ชิว สบายๆก็มาที่นี่กันได้ครับ ที่แหลมเสด็จมีเต็นท์ให้เช่ากันไปกางด้วยนะครับ มีห้องอาบน้ำบริการนักท่องเที่ยว สะดวกสบายมากครับ ^^

วันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เที่ยวชมปะการังน้ำตื้น ณ หาดเจ้าหลาวจันทบุรี

เที่ยวชมปะการังน้ำตื้น ณ หาดเจ้าหลาวจันทบุรี


ถ้าเป็นที่จันทบุรีแล้วชายหาดที่นักท่องเที่ยวที่มาที่จันทบุรีต้องมาเป็นให้ได้ก็งไม่พ้นที่แห่งนี้ หาดเจ้าหลาว สำหรับส่วนตัวนะครับ หาดเจ้าหลาว เป็นชายหาดและเป็นทะเที่แรกที่ผมได้มาเที่ยวและได้สัมผัสว่าความเค็มของน้ำทะเลเป็นยังไง (เค็มมากครับ พี่ น้อง) ว่ากันไป สำหรับหาดเข้าหลาวแล้วเป็นชายหาดที่ยาวหลายกิโลเมตร มีร้านอาหารตั้งอยู่ริมหาด อาหารทะเล ทั้งสดใหม่ อยากเช่น หมึก ปลา กุ้ง เรียกว่าจับขึ้นมาทำกันตรงนั้นเลยละครับ

หาดเข้าหลาวอยู่ห่างจากอำเภอท่าใหม่ 17 กิโลเมตร ถัดมาจากหาดแหลมเสด็จ มีบรรยากาศเงียบสงบ เป็นหาดทรายสีนวล ยาวเหยียดสุดสายตา ร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าว ผู้คนนิยมไปพักผ่อนกันที่นี่ในวันหยุด มีที่พักตั้งแต่ระดับปานกลางจนถึงระดับมาตรฐาน และร้านอาหารไว้บริการนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีเรือท้องกระจกและเรือเร็วบริการนำนักท่องเที่ยวไปชมแนวปะการังน้ำตื้นที่อยู่ห่างจากฝั่งไปเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งนับเป็นสิ่งที่หาได้ไม่ง่ายนัก เพราะโดยปกติแล้วปะการังจะเกิดในบริเวณที่เป็นเกาะเท่านั้นเนื่องจากมีการไหลเวียนของกระแสน้ำพอเหมาะ อุณหภูมิเหมาะสม และไร้มลพิษ การพบปะการังบริเวณใกล้แนวชายฝั่งจึงสะดวกต่อการเดินทางไปชมซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว คือระหว่างเดือนพฤศจิกายน-พฤษภาคม

การเดินทางมาหาดเจ้าหลาว


รถยนต์ส่วนตัว จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมาบเลข 3 ผ่าน อ.แกลง จ.ระยอง ไปทาง อ.นายายอาม เลี้ยวขาวที่ แยกหลนองสีงา ไปตามทาง ผ่านวัดวังหิน ไป 2 ก.ม. เจอสี่แยกให้เลี้ยยวขาวผ่านวัดรำพัน วัดท่าศาลา ไป 2 ก.ม. เจอสามแยกให้เลี้ยวซ้ายไปจนถึงสี่แยกโรงเรียนท่าใหม่ฯ ให้เลี้ยวซ้ายผ่านเขาร้อยรูและตรงไปจนถึง 3 แยกโรงเรียนวักหมูดุด เลี้นวซ้ายไป 2 ก.ม. ถึงแล้วครับ หาดเจ้าาหลาว ^^

รถประจำทาง ขึ้นรถสายจันทบุรี-ท่าใหม่ ลงที่ตลาดท่าใหม่แล้วเหมารถสองแถวจากตลาดหรือสี่แยกหอนาฬิกา ราคาก็แล้วแต่จะตกลงกันครับ

สำหรับใครที่อยากเห็นชายหาดวสวยๆ สะอาดขั้นเทพ  มาที่นี่รับรองไม่ผิกหวังแน่นอนครับ หาดเจ้าหลาว ณ จันทบุรี

วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

สละหวานๆของจันทบุรี ณ ค่ายเนินวง

สละหวานๆของจันทบุรี ณ ค่ายเนินวง



 ถ้าจะให้พูดถึงเรื่องเล่าของจังหวัดจันทบุรีหลายคนคงจะคิดถึงเรื่องพระเจ้าตากฯกันซะส่วนใหญ่ผมก็นึงในนั่นละครับ แต่!! ยังมีเรื่องที่หลายคนยังไม่รู้เกี่ยวกับจังหวัดจันทบุรี และเรื่องต่อไปนี้จะเล่าเรียกว่าเป็นตำนานเลยก็ได้ (ตำนานเลยหรอ) จังหวัดจันทบุรีเป็นจังหวัดที่เรียกได้ว่าเป็นเมืองแห่งผลไม้ “สละ” ก็เป็นหนึ่งในผลไม้ขึ้นชื่อ ถ้าพูดถึงสละของจังหวัดจันทบุรีแล้ว รสชาติหลายคนที่เคยได้ลองชิมต้องยกนิ้วเลยครับแล้วบอกว่า สุโค่ยยยย(อะไรจะขนานนั้น) เพราะว่าสละที่นี่มีเนื้อหนารสชาติหวามกว่าที่อื่นมาก สวนสละที่ขึ้นชื่อก็ต้องเป็นที่นี่เลยครับสวนสละค่ายเนินวง ค่ายเนินวงเป็นโบราณสถานที่อยู่ใกล้ตัวเมืองจังหวัดจันทบุรีครับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากครับแต่ตอนนี้จะไม่กล่าวถึงนะครับ

สละหวานๆของจันทบุรี


สละค่ายเนินวงของ จันทบุรี พระเอกของวันนี้มีตำนานเล่าขานกันมาว่า สวนสละที่นี่มีมาตั้งแต่ร้อยกว่าปีที่แล้ว โดยนำเม็ดของสละหม้อจากสวนย่านสาธุประดิษฐ์ ยานนาวา กรุงเทพฯ ตอนเอามาปลูกที่จังหวัดจันทบุรีครั้ง แรกปรากฏว่าสละหม้อที่นำมาจากกรุงเทพฯ มีเนื้อหนา รสก็ดีกว่าของเดิมซะงั้น แต่ก็ยังไม่มีใครสนใจที่จะขยายพันธุ์ เพราะกลัวว่าถ้าเอาไปปลุฏใหม่รสจะไม่ดีเหมือนเดิม

แต่อยู่ อยู่ๆที่สวนสละก็เกิดไฟไหม้ ต้นพันธุ์สละจึงเหลือแต่กอ(TT) แล้วก็ได้มีคนตัดโคนกอที่มีต้นอ่อนแตกออกมาจากตา แล้วไปปลูกแล้วไม่กลายพันธุ์จึงใช้วิธีนี่ขยายพันธุ์จนถึงปัจจุบัน และเมื่ออกผลมาแล้วเก็บขาย ขายได้ถึง กิโลกรัมละ 60 บาท เมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว ราคาดีมาก และใตอนนี้สละของค่าเนินวงก็กลายเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัดจันทบุรีอีก ชนิดหนึ่งเลยครับ และที่สุำคัญก็คือพันธุ์สละที่นี่ราคาสูงมากนะครับใครที่สนใจก็ติดต่อที่สวน สละที่ค่ายเนินวงนะครับ

ถ้าผ่านมาที่จังหวัดจันทบุรีแล้วได้มีโอกาสมาเที่ยวแถวค่ายเนินวงอย่าลืม ว่าที่นี่มีสละที่รสอร่อยสุดยอดอยู่อย่าลืมชิมนะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

อั๊ยยะ ปลาท่องโก๋ที่ จันทบุรี มีน้ำจิ้ม !!

อั๊ยยะ ปลาท่องโก๋ที่ จันทบุรี มีน้ำจิ้ม !!


ปลาท่องโก๋ ใครๆก็ต้องเคยกินใช่มั้ยครับ ใครที่ตื่นตอนเช้าๆออกไปซื้อปลาท่องโก๋ตามตลาดแล้วคงจะคุ้นเคยกับการกินปลาท่องโก๋กับ กาแฟ นมข้น นม โอวัลติน ฯลฯ กันใช่มั้ยครับ แต่ถ้าใครได้มีโอกาสมาเที่ยวและพักค้างคืนที่จันทบุรีแล้วตอนเช้าๆอยากกินปลาท่องโก๋แล้วอาจจะต้องแปลกใจสักหน่อยนะครับ เพราะที่ จันทบุรี พ่อค้าแม่ค้า ที่นี่เขาจะขาย ปลาท่องโก๋มีน้ำจิ้ม ครับผม

ปลาท่องโก๋ที่ จันทบุรี มีน้ำจิ้ม !!


จะขอเล่าอะไรหน่อยนะครับคือว่าตัวผมนะเป็นคนจันท์ มีโอกาศได้ไปที่จังหวัดอื่นหลายๆที่ตอนเช้าก็ออกไปซื้อปลาท่องโก๋มาทานพอจะ จ่ายตังค์ก็ถามแม่ค้าว่า ไม่มีน้ำจิ้มหรอครับ แม่ค้าทุกที่ก็ทำหน้างง จนในที่สุดก็ได้รู้ว่าน้ำจิ้มปลาท่องโก๋เนี่ยมีที่จังหวัดจันทบุรีที่เดียว ครับ เป็นUnseen in จังหวัดจันทบุรีเลย

ใน จังหวัดจันทบุรีจะมี ร้านอาท่องโก๋ จิ้มน้ำจิ้มอยู่หลายร้าน แต่ร้านที่ขึ้นชื่อและอร่อยที่สุด เป็นร้าน ที่อยู่เยื้องๆกับ ธนาคารกรุงเทพสาขาจังหวัดจันทบุรีใน ตัวตลาดจันทบุรี ร้านนี้ไม่มีชื่อร้าน เป็นร้านโต๊ะตั้ง อยู่บนฟุตบาท  ผมจึงตั้งชื่อว่า ร้าน ปาท่องโก๋ครึ่งชั่วโมง  เนื่องจากทางร้านมีลูกค้าเยอะมากๆ เรียกว่ารอคิวกันนานเป็นครึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อยเลยกว่าจะได้ทางปาท่องโก๋ กัน

ตัวปาท่องโก๋ของร้านนี้จะเป็นแบบ หนานุ่ม  ไม่ใช่บางกรอบตามแบบปาท่องโก๋ประยุกต์อย่างที่หลายๆร้านทำกัน(ปาท่องโก๋แบบ ดั้งเดิมตัวแป้งจะหนานุ่ม)ผมมักจะเห็นปาท่องโก๋หลายๆร้านที่ทำแบบ บางกรอบ บ้างร้านบางจนมองเห็นตัวแป้งข้างในได้เลย  ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบว่าใครชอบแบบ หนานุ่ม หรือ บางกรอบ  สำหรับผมได้ทั้ง 2 อย่าง จุดเด่นของร้านนี้คือ น้ำจิ้ม ที่มีรสชาติแปร่งๆ แต่เมื่อทานคู่กับปาท่องโก๋แล้ว อร่อยอย่างชนิดที่คุณจะลืม สังขยา โจ๊ก หรือข้าวต้ม ไปเลย  แค่ปาท่องโก๋จิ้มน้ำจิ้มก็อร่อยเหาะแล้ว

ร้านนี้จะเปิดขายตั้งแต่เช้าตรู่ ถึง 9-10 โมงเช้า ขึ้นอยู่กับของที่ทางร้านเตรียมไว้  (ร้านนี้ขายหมดทุกวันไม่มีเหลือเลย)  ราคาก็ไม่ถูกและไม่แพง ปาท่องโก๋ตัวละ 2 บาท ถ้าใครที่อยากซื้อน้ำจิ้มถ้าแยกขายเป็นขวดก็ขวดละ30-50บาท ข้าง ร้านปาทอ่งโก๋จะมีร้านขายน้ำเต้าหู้อยู่ด้วย น้ำเต้าหู้ของร้านนี้ก็อร่อยใช้ได้ครับ  ผมแนะนำให้อุดหนุนน้ำเต้าหู้เขาด้วย  ถ้าใครผ่านไปจังหวัดจันทบุรีก็ลองแวะไปทานดูนะครับ

จันทบุรีไม่ได้มีดีแค่ ทะเลสวย น้ำตกงาม ผลไม้อร่อย พลอยเมืองจันท์ จังหวัดจันทบุรีนี้มีของเยอะครับจะมาแนะนำในโอกาสต่อไปนะครับ

วันพุธที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ชมพระยอดธงกู้ชาติ ณ วัดพลับ จันทบุรี

ชมพระยอดธงกู้ชาติ ณ วัดพลับ จันทบุรี


วัดถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธตั่งแต่ครั้งอดีตจนถึงปัจจุบัน วันนี้ผมจะเล่าเรื่องราวของวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดจันทบุรี วัดแห่งนี้เป็นวัดที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสต์การกู้ชาติของพระเจ้าาตากฯ ปัจจุบันวัดแห่งนี้ยังคงความขลังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนักแต่ที่เปลี่ยนแปลงไปก็คือสภาพความเก่าแก่ วัดแห่งนี้ก็คือ วัดพลับ

วัดพลับ ตามหลักฐานทางโบราณคดี สันนิษฐานว่าพื้นที่ชุมชนวัดพลับและบ้านบางกะจะคงมีอายุในราว พ.ศ. 2300 เป็นบริเวณที่กองทัพของพระเจ้าตากสินมหาราชได้ใช้พักไพร่พล สิ่งก่อสร้างในวัดมีด้วยกันหลายสมัย ตู้พระไตรปิฎกไม้ลงรักปิดทองเขียนลายรดน้ำศิลปะแบบอยุธยาตอนปลาย เจดีย์ทรงปรางค์สร้างเมื่อ พ.ศ.2441 หอไตรกลางน้ำเป็นอาคารไม้ เสารองรับหลังคาเป็นของเดิมมีเขียนลายรดน้ำปิดทอง อายุเก่ากว่าสมัยก่อนอยุธยา ได้รับการซ่อมครั้งล่าสุด เมื่อพ.ศ. 2518 เจดีย์กลางน้ำเป็นเจดีย์ทรงระฆัง รูปแบบรัตนโกสินทร์ วิหารไม้หลังคาทรงจตุรมุขที่มีอายุนับร้อยปี ภายในประดิษฐานพระประธานปางทุกรกิริยา สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสิน เมื่อครั้งเสด็จ เมืองจันทบุรี และพระอุโบสถแห่งนี้ยังเคยใช้เป็นสถานที่ปลุกเสกมุรธาภิเษกในสมัยต้นราชวงศ์ จักรี (มุรธาภิเษก คือ น้ำรดพระเศียรในงานราชาภิเษก หรือพระราชพิธีอื่นๆ - พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525)

ภาย ในวัดมีพระปรางค์ ซึ่งมีเจดีล้อมรอบ ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระองค์ได้เสด็จมาประทับพักแรมอยู่ที่วัดนี้ ก่อนจะยกทัพเข้าตีเมืองจันทบูร และได้ทรงพระราชทานพระยอดธงแก่กองทหาร พระยอดธงที่เหลือได้นำมาบรรจุไว้ในเจดีย์ ต่อมาเจดีย์หักพังลงมา จึงได้นำพระยอดธงส่วนหนึ่ง ไปบรรจุไว้ในพระปรางค์องค์นี้ ในวงการพระเครื่องเรียกพระยอดธงนี้ว่า พระยอดธงกู้ชาติ มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่ต้องการของพุทธศาสนิกชนทั่วไป

นอกจากสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จะทรงพระราชทานพระยอดธงให้แก่หมู่ทหารแล้ว บรรดาทหารทั้งหลายยังได้รับการประพรมน้ำพระพุทธมนต์ ซึ่งในสมัยต่อมาน้ำพระพุทธมนต์ที่ประกอบพิธีในอุโบสถวัดพลับถือว่าเป็นน้ำ พระพุทธมนต์ที่ศักดิ์สิทธิ์ ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ จะต้องประกอบด้วยน้ำพระพุทธมนต์จากวัดพลับนี้ด้วย โดยนำน้ำจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์จากถ้ำพระนารายณ์ ตำบลคลองนารายณ์ อำเภอเมืองจังหวัดจันทบุรีและน้ำจากสระแก้วที่วัดสระแก้ว ตำบลพลอยแหวน อำเภอท่าใหม่ มารวมกันทำพิธีปลุกเสกน้ำพระพุทธมนต์ เป็นเวลาสามวันสามคืนจนเสร็จพิธี ตามทะเบียนโบราณสถานของกรมศิลปากร โบราณสถานวัดพลับที่ขึ้นทะเบียนไว้ประกอบด้วย

ด้านหลังวัดเคยมี

"สำซ่าง" ซึ่งเชื่อว่าเหลืออยู่ที่วัดนี้เพียงแห่งเดียวเท่านั้น เป็นที่เผาศพแบบโบราณ มีลักษณะเป็นหลังคาลดชั้น 5 ชั้น ยอดแหลมมุงด้วยกระเบื้องเกล็ดเต่า (กระเบื้องดินเผาปลายตัดเป็นมุมแหลม ผิวด้านสีแดงตามเนื้อดิน ใช้มุงหลังคา โบสถ์ วิหาร : พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525) แต่ปัจจุบันพังทลายลงไปแล้ว

ถ้าใครอยากรู้เรื่องราวเพิ่มเติมก็เชฺิญมาเที่ยวได้นะครับจังหวัดจันทบุรีมีดีกว่าที่คุณรู้มาแน่นอนครับ

 ข้อมูลเพื่อการเดินทางไปวัดพลับ


ตั้งอยู่ที่ ตำบลบางกะจะ ห่างจากค่ายเนินวงประมาณ 1 กิโลเมตร สังเกตป้ายบอกทางเข้าทางซ้าย

วันอังคารที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

โอววว์ ผลไม้เมืองจันทบุรีกลายเป็นอาหารคาว ณ จันทรโภชนา

โอววว์ ผลไม้เมืองจันทบุรีกลายเป็นอาหารคาว ณ จันทรโภชนา


เพื่อนๆ หลายคนคงเคยเห็น เคยชิม อาหารมามากมายในหลายๆที่ใช่ไหมครับแต่จะมีสักกี่ที่ที่นำเอาผลไม้มาทำเป็น อาหารคาว ผลไม้ทำเป็นอาหารคาว!! ใช่ครับไม่ผิดหรอกมีแน่นอนครับที่จังหวัดจันทบุรี ไหนๆจังหวัดจันทบุรีได้ ขึ้นชื่อว่าได้เป็นเมืองแห่งผลไม้ ก็เอาผลไม้ของจังหวัดจันทบุรีมาทำเป็นอาหารคาวซะเลย ไม่ใช่มีแค่อย่างสองอย่างนะครับมีเยอะจริงๆ ที่นี่เลยครับ ร้านจัทรโภชนา ของจังหวัดจันทบุรีครับ



มาดูตัวอย่างเมนูที่มาจากผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัดจันทบุรีกันดีกว่าครับ

แกงเผ็ดเป็ดย่างใส่เงาะ เมนูนี้ก็เป็นอาหารอีกอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ของไทยเราเป็นการนำเอาเป็ดย่าง มาผสมกับพริกแกงเผ็ด ที่เข้ากันได้ดีแบบไม่นาเชื่อครับ (สุยอดครัวไทยครับพี่น้อง)แต่ที่ร้านนำเอาผลไม้คือเงาะสด ๆ มาเป็นส่วนผสมเพื่อเพิ่มความหวานให้กับแกงทำให้มีรสชาติสมดุลมากยิ่งขึ้น มีครบรสครับ  แกงเผ็ดเป็ดย่างใส่เงาะที่นี่ เนื้อเป็ดจะนุ่มมาก ๆ หนังจะไม่กรอบ เนื้อเป็ดอร่อยสุดยอดครับ ป้าไพจิตรบอกว่าเป็ดที่จะนำมาทำต้องเป็นเป็ดที่มีมันไม่มาก ย่างแบบให้สุกพอดีทั้งตัว เวลาทำแกงแล้วเนื้อนุ่มและสีสันน่าทาน เมนูนี้ก็อร่อยครับป้าไพจิตร

ยำมังคุดครับ อันนี้สุดยอดของอาหารอีกอย่างครับ ที่มีการนำทั้งอาหารทะเลผลไม้ผักสวนครัวและเนื้อหมู มาใส่ไว้ในชามเดียวกัน เมนูแปลกตรงที่การนำมังคุดสดของจังหวัดจันทบุรี ๆมาทำอาหารแบบโดยตรงถือเป็นเมนู มังคุคเลยก็ว่าได้ครับ สีสันนี่บ่งบอกถึงรสชาติเลยจริง ๆ  สีสันสายงามมาก ทุกคน เห็นแล้วเปรี้ยวปากอยากจะชิม ขึ้นมาทันที ก็เลยลองชิมมันซะเลย รสชาติดีมาก ครับ รสจะไม่จัดแต่ว่า จะเป็นแบบกลมกล่อมนุ่ม ๆ  มีครบรส และเวลาทานตักกุ้งกับมังคุดและน้ำยำเยอะ ๆ นะ มันอร่อยแบบไม่รู้จะบอกยังไง ต้องไปชิมเอง กุ้งตัวใหญ่และสดมาก ๆ  โดยจะใส่กุ้งแห้งบดลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติเค็มนิด ๆ  ป้าไพจิตรบอกว่าเมนูนี้เป็นเมนูตามฤดูกาลผลไม้ของจังหวัดจันทบุรี  หนึ่งปีกินได้ครั้งเดียว  แม้ได้กินครั้งเดียวต่อปีนี่มันคุ้มจริง ๆ  เคล็ดลับความอร่อยคือความสดของส่วนผสมไม่ว่าจะเป็นกุ้ง มังคุดต้องสดและลูกพอประมาณ และการเพิ่มกุ้งแห้งบดลงไปทำให้รสชาติของยำมังคุดมีสีรสจัดจ้านมากขึ้น อันนี้ ชิมเอง ยกนิ้วให้เลย สุดยอดเมนูเด็ดของครัวผลไม้ครับ และยังมี เมนูอาหารอีกมากมายให้เลือกชิมกัน ไมว่าจะเป็น ต้มระกำไก่ ปลา,สำรองน้ำแดง,กระวานผัดฉ่า,แกงหมูชิงแห้ง,ปูหลน,ก๋วยเตี๋ยวผัดปู,จำ หย่อ,น้ำพริกไข่ปู,น้ำพริกกะปิระกำ,มะละกอผัดไทยกุ้งสด,แกงคั่วสับปะรด,แกง แค,แกงป่าปลาเห็ดโคน,แกงเหลือง และอีกหลายเมนู เชิญเลือกชิมกันตามชอบครับ
เมนูแนะนำช่วงหน้าผลไม้ของจังหวัดจันทบุรี


ร้านจันทรโภชนา เป็นร้านอาหารพื้นเมืองเก่าแก่ที่อยู่คู่จังหวัดจันทบุรีมา นานกว่า 40 ปี เน้นที่เมนูอาหารสมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นหลักเหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว ร้านสะอาดบรรยากาศดีพร้อมมีเมนูเด็ดให้เลือกรับประทานกันอย่างหลากหลาย อาทิ แสร้งว่า อาหารโบราณที่รับประทานคู่กับผักสดนานาชนิดรสชาติอร่อย, เส้นจันท์ผัดปู เมนูอาหารเส้นพื้นบ้านของจังหวัดจันทบุรีที่ มีเอกลักษณ์ของเส้นที่เหนียวนุ่มกำลังดีผัดคลุกเคล้ากับปูม้าทอดกรอบปรุงรส ชาติหวานนำเปรี้ยวตามเสริ์ฟพร้อมถั่วงอกและใบกุยฉ่ายอร่อยเข้มข้น, สำรองน้ำแดง หน้าตาดูคล้ายๆ กับกระเพาะปลาน้ำแดงแต่ใช้น้ำสำรองมาปรุงเป็นน้ำซุปแทน ใส่เนื้อปู กระเพาะปลาและเห็ดหอม รสชาติอร่อยเหมาะสำหรับคนรักสุขภาพที่ไม่ชอบรับประทานอาหารรสจัด, กระวานผัดฉ่าไก่ (หมู) ครบรสครบเครื่องกับรสชาติที่เผ็ดร้อนของใบกระวานอร่อยเด็ดไม่แพ้เมนูอื่นเลย ทีเดียว

หมูชะมวง ก๋วยเตี๋ยวเส้นจันทร์และเมนูสุดท้ายที่ขาดไม่ได้เมื่อมาถึงเมืองจันท์แล้วก็คือ หมูชะมวง เป็นเมนูอาหารประจำท้องถิ่นของที่นี่คือถ้ามาถึง จังหวัดจันทบุรี แล้ว ไม่ได้รับประทานหมูชะมวงเหมือนยังมาไม่ถึงเมืองจันท์เลยก็ว่าได้ ใช้เวลาทำค่อนข้างนานปรุงรสอย่างพิถีพิถันเคี้ยวจนพริกแกง เนื้อหมูและใบชะมวงเข้ากันเป็นอย่างดีรสชาติอร่อยแน่นอนเพราะเป็นสูตรดั้ง เดิมตั้งแต่สมัยโบราณ นอกจากนี้ในช่วงฤดูผลไม้ประจำถิ่นออกผลที่นี่ก็จะนำมาดัดแปลงเป็นเมนูของคาว สูตรเฉพาะของทางร้านเช่นส้มตำทุเรียน, แกงเผ็ดเป็ดย่างเงาะสด, ยำมังคุด เป็นต้น ส่วนของหวานก็จะมีสละลอยแก้วและไอศกรีมหลากรสไว้คอยให้บริการอีกด้วย

ร้านจันทรโภชนาตั้งอยู่ใจกลาง เมืองจันทบุรี ติด กับโรงแรม เกษมศานต์ กินอิ่มแล้วอยากพักค้างแรมก็เชิญได้เลยและยังใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวหลาย ที่เช่น  ศาลหลักเมือง,ศาลพระเจ้าตากสิน,สวนสุขภาพพระเจ้าตาก,โอเอซิสเวิลด์,ตลาด พลอย,ตลาดน้ำพุ,ค่ายเนินวง,อู่ต่อเรือพระเจ้าตาก เชิญแวะชมแวะเที่ยวกันตามสบายหรือจะไปพักผ่อนรับความเย็นที่น้ำตกพลิ้วก็ เดินทางแค่ 20 นาที แล้วก็เดินทางไปเล่นน้ำทะเลที่แหลมสิงห์ ก็อยู่ใกล้นิดเดียวเดินทางสะดวกครับ

สถานที่ตั้งและการเดินทางมาร้านจันทรโภชนา จังหวัดจันทบุรี

ร้านจันทรโภชนา ตั้งอยู่ที่ 102/5-8 ถ.เบญจมราชูทิศ ต.วัดใหม่ อ.เมือง จ.จันทบุรี โทร 039-302350,039-312339 ติดต่อสอบถามข้อมูลกันได้เลย ป้าไพจิตรท่านใจดีมาก ๆครับ  ร้านเปิด 9.00-22.00 น ร้านจะหยุดทุกวันอังคารที่ สองของเดือนครับ

วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

สวนสาธารณะสมเด็จพระเจ้าตากสิน (ทุ่งนาเชย จันทบุรี)

สวนสาธารณะสมเด็จพระเจ้าตากสิน (ทุ่งนาเชย จันทบุรี)


 หลายๆคนจะจำธนบัตรใบละ 20 บาทรุ่นกันได้นะครับจะมีรูป พระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อยู่ใช่ไหมครับวันนี้จะพามาทำความรู้จักกับสถานที่จริง ในฐานะคนจังหวัดจันทบุรีครับ สมัยก่อนภาพพระราชานุสาวรีย์แห่งนี้ พิมพ์อยู่บนธนบัตร ใบละ ๒๐ บาทเป็นรูปทรงม้า พร้อมทหารคู่พระทัย ๔ คน ประดิษฐานเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๗  ที่ทุ่งนาเชย ปัจจุบันคือ สวนสาธารณะของจังหวัดจันทบุรีครับ ที่ทุ่งนาเชยนี้เป็นสวนสาธารณะที่สำคัญของจังหวัดจันทบุรีครับ ทุกๆปีก็จะมีงานวันตากสินรึกจันที่บริเวผณรอบทุ่งนาเชย จังหวัดจันทบุรี นี่แหละครับ



สภาพ ภูมิทัศน์โดยรอบร่มรื่นสวยงาม มีการขุดบึงล้อมรอบซึ่งใช้เป็นที่พายเรือเล่น และยังใช้เป็นที่เพาะพันธุ์ปลาของประมงจังหวัดอีกด้วย เกาะกลางบึงประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงม้า พร้อมทหารคู่พระทัยทั้งสี่ คือพระเชียงเงิน หลวงพิชัยอาสา หลวงพรหมเสนา หลวงราชเสน่หา เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานสำหรับการกู้เอกราชของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่ทรง เลือกจันทบุรีเป็นที่รวบรวมกำลังพลในการกอบกู้กรุงศรีอยุธยา



พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสิน ตั้ง อยู่ใจกลางเมือง เยื้องกับศาลากลางจังหวัด ริมถนนเลียบเนิน สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงเลือกเมืองจันทบุรีเป็น ฐานที่มั่นในการรวบรวมไพร่พลไปกอบกู้อิสรภาพ องค์พระบรมราชานุสาวรีย์ เป็นรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงม้า ตั้งตระหง่านอยู่กลางทหารคู่พระราชหฤทัยทั้งสี่ คือ พระเชียงเงิน หลวงพิชัยอาสา หลวงพรมเสนา หลวงราชเสน่หา ประดิษฐานอยู่บนเกาะกลางบึง บริเวณโดยรอบมีการตกแต่งสภาพภูมิทัศน์เพื่อให้มีความร่มรื่นและสวยงาม ทุกช่วงเช้าเย็นจะมีประชาชนจำนวนมากนิยมมาออกกำลังกายและพักผ่อนหย่อนใจ เป็นที่พักผ่อนที่สวยงามอีกแห่งของจังหวัดจันทบุรีเลยครับผม

ที่อยู่ : ถนนท่าหลวง ตำบลวัดใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี
การเดินทาง : ตั้ง อยู่บนถนนท่าหลวง เยื้องกับศาลากลาง จังหวัด ริมถนนเลียบเนิน การเดินทางเริ่มจากสี่แยก ถ.ท่าหลวง ตัดกับ ถ.พระยาตรัง ขับตรงมาประมาณ 200 เมตร เข้าถนนเลียบเมือง สวนสาธารณะฯ จะอยู่ทางซ้ายมือ

เวลาให้บริการ :  ภายในอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสิน  เปิดเวลา 08.30 น.- 20.00 น. , รอบนอกทะเลสาปทุ่งนาเชยเปิดตลอด 24 ชั่วโมง

วันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เปิดประวัติชุมชนริมน้ำ ณ เมืองจันทบุรี

เปิดประวัติชุมชนริมน้ำ ณ เมืองจันทบุรี


ในช่วงที่ความร้อนเพิ่มขึ้นทุกวัน เรียกว่าเดินออกไปไหนตอนเที่ยงที โอวววว์เกือบจะเป็นเนื้อย่างกันเลยที่เดียวครับถ้าจะออกไปไหนข้างนอก ก็พกร่มรึไม่ก็ใส่เสื้อกางเกง เขนยาวขายาวกันออกไปดีกว่าครับ เพื่อป้องกันการเป็นมเร็งผิวหนังไปในตัวด้วย ด้วยความปราถนาดีจาก หนุ่มหน้ามนคนจันท์^^ นอกเรื่องยาวเลยมาดูเรื่องราวชาวนให้น่าหลงไหลของเมืองจันทบุรีกันดีกว่า รับรองว่าถ้าได้มาครั้งนึงแล้วจะติดใจ

วันนี้จะมาเล่าเรื่อง ของชุมชนริมน้ำจันทบุรีให้ได้ฟังกันครับ ผมขอเรียกว่า "ริมน้ำจันทบุรี" แล้วกันนะครับ ที่นี่เป็นที่เก่าแก่และสวยงามและที่นี่ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดจันทบุรีอีกแห่งด้วยครับ ใครที่เคยดูMVเพลงผู้ชายคนนี้กำลังหมดแรง หรือไม่ก็หนังเรื่องตั๊ดสู้ฟุ๊ด ที่ ริมน้ำจันทบุรี ก็เป็นสถานที่ถ่ายทำ จังหวัดผมก็ดังเหมือนกันนะเนี่ย อิอิ มาดูกันดีกว่าครับว่าที่นี่เขาประวัติความเป็นมาน่าสนใจยังไง

ความเป็นมาของริมน้ำจันทบุรี



ชุมชนริมน้ำหรือย่านท่าหลวง ซึ่งเป็นชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำจังหวัดจันทบุรีด้าน ตะวันตกแต่เดิมรู้จักกันในชื่อที่เรียกกันติดปากว่า "บ้านลุ่ม" ซึ่งเป็นชุมชนเก่าแก่ของชาวจีนและญวนอพยพตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ต่อมาได้พัฒนา มาเป็น ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการค้าของจังหวัดจันทบุรีที่ สำคัญแห่งหนึ่งในสมัยรัชกาลที่ 5 มีจุดเริ่มต้นจากเชิงสะพาน วัดจันทร์ ผ่านบ้านท่าหลวงยาวเป็นแนวไปตลอดจนถึงชุมชนตลาดล่าง บริเวณที่เรียกว่าท่าเรือจ้างอาคาร ส่วนใหญ่ เป็นที่พักอาศัย และร้านค้าของชุมชนที่มีอายุเกือบร้อยปี ซึ่งสร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 มีลักษณะเป็นตึกแถว โบราณมีลวดลายไม้จำหลักอ่อนช้อยงดงาม อยู่ตามบานประตูหน้าต่างและมุมอาคาร ซึ่งจะพบรูปแบบเรือน ขนมปังขิงปะปนอยู่ด้วย เพราะชาวจังหวัดจันทบุรีได้รับอิทธิพลจากการติดต่อค้าขายกับชาวต่างประเทศ เมื่อสมัย ร. 5 ลักษณะการฉลุลายของช่างฝีมือชาวจันทบุรีจัดได้ว่ามีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะการจำหลักฉลุช่องลม เป็นภาพจำหลักนูนรูปหัวพยัคฆ์สอดแทรก อยู่ตามกิ่งเครือเถาหรือความคมเฉียบของลายที่ แฝงไปด้วยความ อ่อนช้อย ของลายจำหลัก ย่านท่าหลวง จึงถือว่าเป็นย่านประวัติศาสตร์ของ จังหวัดจันทบุรี 

ย่านท่าหลวง-ตลาดล่าง มีความสำคัญต่อบทบาทการค้ากับต่างประเทศของจันทบุรีใน ยุคนั้น คือเป็นจุดที่เรือ บรรทุกสินค้าของป่าที่รวบรวมมาได้จากป่าแถบตะเคียนทอง น้ำขุ่น คลองพลู วังแซ้มในบริเวณ เขาคิชฌกูฎและ เขาสอยดาว จะล่องลงมาตามลำน้ำจันทบุรีและมาเทียบท่าที่ตลาดท่าหลวงโดยมีกล่มชาวชองซึ่ง เป็น ชนพื้นเมือง เดิมที่อาศัยอยู่ในแถบเทือกเขาในจังหวัดจันทบุรี ระยองและตราด เป็นแรงงานในการจัดเก็บของป่านำมาจำหน่าย ในตัว เมืองจังหวัดจันทบุรี ในปีหนึ่งชาวชองจะล่องแพนำสินค้ามาจำหน่ายในเมืองเพียงครั้งเดียว คือในระหว่างเดือน 10 ถึง 12 (เดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน) เนื่องจากเป็นฤดูน้ำหลากสามารถล่องแพลงมาตามลำน้ำได้สะดวก ส่วนในฤดูแล้ง ระหว่างเดือน 3 ถึง 5 (เดือนกุมพาพันธ์ถึงเดือนเมษายน)ต้องลำเลียงทางเกวียนซึ่งลำบากและใช้เวลา นาน จึงไม่ เป็นที่นิยมในช่วงที่กองทหารฝรั่งเศสเข้ามายึดครองจังหวัดจันทบุรี (พ.ศ. 2436-2447) การค้าขายในย่านนี้เป็นไป อย่าง คึกคักนอกจากสินค้าป่าแล้วยังมีการลักลอบจำหน่ายสินค้าประเภทสุรา ฝิ่น กาแฟ ชา การเจริญเติบโตทาง เศรษฐกิจของย่านท่าหลวง-ตลาดล่างส่งผลให้ทางรัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนา ระบบสาธารณูปโภค ต่างๆ ในบริเวณนี้ก่อนบริเวณอื่น



ในปี พ.ศ. 2451 จึงได้ประกาศให้พระราชบัญญัติสุขาภิบาลที่ตำบลตลาดเมืองจันทบุรีเป็น แห่งแรกในเขต จังหวัดจันทบุรี นอก จากนี้ในช่วงที่มีการค้าขยายตัว มีจำนวนประชากรอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานชั่วคราวในย่านนี้ถึงปีละ 100 คน เศษมีพ่อค้าต่างถิ่น อาทิ แขก กุหล่า พม่า เข้ามาตั้งร้านค้าชั่วคราวรวมทั้งมีพ่อค้าเร่จากบ่อพลอยไพลิน บ่อนาวง ที่มาซื้อขายสินค้าต่างๆ และนำพลอยมาขายปีละนับพันคนเมื่อศูนย์กลางการค้าภายใน เมืองจังหวัดจันทบุรีย้ายไปอยู่ที่ ตลาดน้ำพุลักษณะทางกายภาพของท่าหลวง-ตลาดล่างยังปรากฏให้เห็นวัฒนธรรมการ ตั้งบ้าน เรือนหรือ ร้านค้าที่ หันหลังให้แม่น้ำ หันหน้าเข้าสู่ถนนบ้านเรือนเป็นเรือนติดดินนิยมสร้างเป็นเรือนหลังใหญ่ทรง จั่วใช้วัสดุ ในท้องถิ่น ก่อสร้าง อาทิ ไม้แฝก ใบจากนิยมยื่นชายคากออกมาเพื่อเป็นร้านค้าติดระเบียงทางเดิน ด้านหน้าตาม ลักษณะที่ พักอาศัยกึ่งพาณิชย์อันเป็นลักษณะวัฒนธรรมการค้าขายของชาวจีน อาคารพักอาศัยและร้านค้า ย่านท่าหลวง เป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่างมาก ควรจะมีการอนุรักษ์เอาไว้เพื่อการท่องเที่ยว หรือโฮมสเตย์ ปัจจุบันยังมีกองถ่ายละคร และกองถ่ายภาพยนตร์ รวมทั้งภาพยนตร์โฆษณา มาใช้โลเกชั่น บริเวณ นี้กันบ่อยๆ อาทิ ละคร อยู่กับก๋ง โฆษณารังนกสก๊อต ดูดู๊ดู ดูเธอทำ เป็นต้น


ขอบคุณภาพจากhttp://www.chanthaboonriver.com/และ oncentime.multiply.com

เป็นยังไงกันบ้างครับความสนใจของชุมชนริมน้ำของจังหวัดจันทบุรี ถ้าใครต้องการจะมาเที่ยวชมชุมชนริมน้ำจังหวัดจันทบุรี ที่นี่อยู่ในตัวเมืองครับผม มาถึงตัวเมืองจันแล้วถามใครก็ได้ครับว่าชุมชนริมน้ำอยู่ที่ไหน คนจังหวัดจันทบุรีใจดีครับผม ยังไงช่วงนี้ก็รักษาสุขภาพด้วยนะครับ

วันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ดูชีวิตชาวประมง ณ จันทบุรี ที่ปากน้ำแขมหนู

ดูชีวิตชาวประมง ณ จันทบุรี ที่ปากน้ำแขมหนู


ที่นี่มีชีวิตชาวประมงให้ดูหรือว่าจะลองจับปลาตกหมึกจับแมงกะพรุนแบบ จังหวัดจันทบุรี ก็ทำได้ที่นี่ครับ ยังมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามอีกด้วยและใครที่เคยดู MVเพลงของอ๊อฟ ปองศักดิ์ ที่ถ่ายทำอยู่ที่นี่ครับ มาดูกันดีกว่าที่นี่มีอะไรน่าสนใจบ้าง

สะพานเฉลิมพระเกียรติ (ปากน้ำแขมหนู) เป็นสะพานที่เชื่อมข้ามทะเลเป็นระยะทางประมาณ 0.5 กิโลเมตร สามารถมองเห็นทัศนียภาพของทะเลและภูเขาเป็นสะพานที่เรียกว่ายาวที่สุดของจังหวัดจันทบุรีก็ว่าได้นะครับ ได้เห็นชีวิตประจำวันของชาวทะเลเพราะมีท่าเทียบเรือขนาดเล็กอยู่ ยามเย็นจะเห็นเรือประมงประมาณ 20-40 ลำ ออกหาปลา ซึ่งจะแล่นตามกันออกไปในทะเล เป็นภาพที่สวยงามมาก บริเวณนี้มีร้านอาหารที่ชาวประมงนำมาขายเอง ลืมบอกไปว่าที่สะพานนี้ถ้ากลั้นใจข้ามสะพานแล้วขอพรจะได้สิ่งที่ขอนะครับ

หมู่บ้านประมง ชุมชนประมงปากน้ำแขมหนูจังหวัดจันทบุรี มีวิถีชีวิตแบบชาวเลหาอยู่หากินกับทะเล กลางวันออกเรือจับแมงกะพรุน ส่วนกลางคืนเป็นออกทะเลลอบหมึก ชาวบ้านจะนำแมงกะพรุนที่จับได้มาแช่โซดาแล้วนำไปหมักเกลือ เพื่อส่งออกไปประเทศไต้หวัน ฮ่องกง และญี่ปุ่น ถ้าใครสนใจอยากจะลองชิมก็ม่ว่ากันนะครับ

สะพานโยธาธิการ บน สะพานโยธาธิการเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงามของปากแม่น้ำ สามารถมองเห็นเกาะนมสาวที่อยู่ไกลออกไป โดยเฉพาะในช่วงเย็นจะสวยงามเป็นพิเศษ ภาพหมู่บ้านประมงมีทั้งเรือโพงพาง เรือลอบหมึก เรือจับแมงกะพรุน และแหล่งเลี้ยงหอยนางรม เป็นจุดชมวิวที่สวยงามแห่งหนึ่งของจันทบุรีเลยเชียวนะนี่

การเดินทาง

รถยนต์ส่วนตัว : จากอ่าวคุ้งกระเบนใช้เส้นทางไปยังหาดเจ้าหลาว จะเป็นถนนเลียบชายหาด ขึ้นเป็นเนินชัน และเป็นทางโค้งอ้อมภูเขา ระยะทางประมาณ 3 กม. เมื่อถึงสะพานโยธาธิการปากน้ำแขมหนูจะอยู่ปลายสะพานอีกด้าน

รถสองแถว : จาก ปากน้ำแขมหนู มีรถสองแถวสายแขมหนู-บางกะไชย-ท่าใหม่ แต่เวลารถออกไม่แน่นอน เพราะเป็นรถรับส่งแม่ค้ามายังตลาดท่าใหม่ และรับผู้โดยสารกลับ ปกติจะมีในช่วงสายจากตลาดท่าใหม่ ต้องสอบถามที่สี่แยกหอ

วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ประสบการณ์เที่ยว จันทบุรี ที่โอเอซิสซีเวิล์ด

ประสบการณ์เที่ยว จันทบุรี ที่โอเอซิสซีเวิล์ด


โลมา ชื่อนี้ใครๆก็ต้องรู้จักไม่ว่าจะเด็กรึว่าผู้ใหญ่ วันนี้ผมเก็บเรื่องราวประสบการณืเที่ยวจันทบุรีที่ โอเอซิสซีเวิล์ด มาฝากครับ อันนี้ไม่ใช่ของผมเองนะเห็นว่าน่าสนใจเลยเอามาฝากกันครับ^^

สวัสดีค่ะทุกๆคน ^^ วันนี้เรามีเวลาว่างจึงมาขอเขียนเล่าเรื่องราวประสบการณ์ชีวิตที่ไปพบเจอมา ซึ่งทำให้ประทับใจจนไม่มีวันลืมได้เลย นั่นคือการได้ไปเที่ยวที่โอเอซิสจังหวัดจันทบุรี และได้มีโอกาสสัมผัสกับชีวิตโลมาอย่างใกล้ชิดอีกด้วยค่ะ

คือขอบอกก่อนเลยว่าเราเป็นคนที่ว่ายน้ำไม่แข็งเลย เป็นคนที่ไม่กล้าลงน้ำที่ตัวเองยืนไม่ถึงเลย แต่พอได้ไปมีประสบการณ์ชีวิตในครั้งนี้ ทำให้ตัวเองเริ่มมีทัศนคติต่อน้ำดีขึ้นค่ะ และกล้าลงน้ำที่ตัวเองยืนไม่ถึงแล้วด้วย มันคงเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงใช่ไหมคะ แต่ถึงตอนนี้เราเองจะยังว่ายน้ำไม่แข็ง แต่เราก็เริ่มจะชอบการว่ายน้ำมากขึ้นกว่าเดิมที่กลัวแล้ว

เรามาเริ่มเรื่องกันเลยดีกว่านะคะ รู้สึกว่าใครหลายๆคนจะเริ่มเบื่อแล้ว ฮ่าๆๆ คือวันนั้นเป็นวันที่ 31 ธันวาคม 2552 น่ะค่ะ ก่อนวันปีใหม่วันนึงนะคะ เรามาเขียนย้อนหลัง หวังว่าคงจะไม่มีใครว่าอะไรน้า วันนั้นเนี่ยเราไปพักที่โรงแรมจันทรู้จ้าวหลาวจังหวัดจันทบุรี ชื่อ น่าจะถูกนะคะ ฮ่าๆๆ แล้วเราก็ทานข้าวทำอะไรเสร็จเกือบเที่ยง วันนั้นบอกก่อนเลยว่าไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ เลยทานข้าวไปไม่เยอะมาก และพอเรานั่งรถไปได้สักพัก เราก็ถามแม่ว่าจะไปที่ไหนเพราะแม่ยังไม่ยอมบอกเรา พี่เราเลยตอบแทนว่าโอเอซิส ตอนนั้นขอบอกแบบโง่ๆว่าเราลืมสนิทประกอบกับที่เราไม่ค่อยสบายคงจะเอ๋อๆ ฮ่าๆๆ เลยไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน สุดท้ายรถก็ไปถึงจนได้และแม่ก็บอกว่าพามาดูโลมาแสดง เราก็รู้สึกดีใจนิดๆก่อนจะเข้าไป ชมการแสดงโลมา มันน่ารักมาก ทุกๆตัวจะสามารถเล่นได้ประทับใจคนดูมาก แต่เชื่อไหมว่ามีอะไรที่ประทับใจกว่าการได้ดูมันแสดงแบบไกลๆอีก นั่นคือพอเราดูการแสดงจบ เราก็กำลังจะเดินออกนอกลานแสดง แม่เราเรียกเราเอาไว้ก่อนและถามเราว่าจะไปเล่นกับโลมาไหม เรางงมากบอกได้เลยตอนนั้น แต่แม่เราบอกว่าจองเอาไว้ให้นานแล้ว กะว่าจะมาทำเซอร์ไพรซ์เรา เพราะถ้าบอกเราก่อนเราจะไม่ยอมแน่ เราก็ถามว่าทำไมเราถึงจะไม่ยอม แม่เราบอกว่าน้ำที่โลมาอยู่ต้องลึกมาก ดังนั้นถ้าบอกก่อนเราจะกล้ามาเล่นหรอ เราก็เลยตกใจเล็กน้อย แม่เราถามเราว่าถ้าไม่เอาจะให้พ่อแทน เราก็เลยตัดสินใจว่าเป็นไงเป็นกัน อุตสาห์ได้โอกาสแล้ว พอเราไปเปลี่ยนชุดว่ายน้ำและเดินเข้าไปให้พนักงานตรวจความเรียบร้อยก่อนลง เล่น เราก็เลยแอบถามว่าน้ำลึกเท่าไหร่จังหวัดจันทบุรี ได้คำตอบมาว่า 6 เมตร เราเลยช็อกเลย แต่ก็ทำใจกล้าลงไปอย่างกลัวๆ

ตรงที่เราไปเล่นไม่ใช่ว่าจะโดดเดี่ยวเลย กลับมีคนดูเพียบ มาให้กำลังใจกันเต็มเลย ฮือออ เราไม่กล้าว่ายไปเพราะน้ำมันลึกมากเราเลยใช้มือข้างนึงเกาะพี่ไปจนถึงที่ กลางน้ำที่เป็นเหมือนทุ่นสีฟ้าๆลอยน้ำอยู่ให้คนทำกิจกรรม ก็กว้างเหมือนกันนะ เราไปนั่งรวมกลุ่มกับน้องคนนึงก่อนที่พี่เราจะได้ทำเป็นคนแรก พี่สตารป์ให้พี่เรารอโลมามาใกล้ๆตัวแล้วจึงค่อยลงไปเกาะครีบมันให้ได้ พี่เราทำแล้วก็ถูกโลมาค่อยๆลากพาไปทั่ว ก่อนจะตามด้วยน้องชายเรา และน้องอีกคนที่อยู่กลุ่มเดียวกัน เราเป็นคนสุดท้าย พอเรามานั่งเอาขาหย่อนน้ำ ตอนนั้นกลัวไปหมดแล้ว กลัวว่าจะจม กลัวว่าจะมีอันตราย แต่สุดท้าย เราก็ไม่กล้าลงเพราะโลมาอยู่ไกลไปเรากลัวว่าพอลงไปแล้วเกาะไม่ทันตัวเราจะจม ไปเลย พี่เราเลยผลักเราลงไปอย่างแรง เราตกใจมากพยายามตะเกียกตะกายอยู่ไม่นานก็รู้ตัวว่าลอยได้ก็ดีใจมองหาโลมายก ใหญ่แล้วพอเจอก็จับครีบมันแล้วมันก็พาเราว่ายๆไปทันที คือมันจะพาเราไปเองเราไม่ต้องว่ายตามมัน แต่ครีบมันลื่นมากกก เราจับแล้วเกือบจะหลุดเลย อยากบอกว่าถ้าหลุดเราเองก็สติหลุดเหมือนกันเพราะยังไงความกลัวก็ยังคงอยู่ อยู่ดีไม่หาย
เสร็จแล้วจะมีการให้ทำกิจกรรมอื่นนอกเหนือจากว่ายน้ำกับมันเช่น เราจะได้ให้อาหารมันกับมือ คือเราจะยืนอยู่หน้ามันแล้วจับเอาปลาข้างเหลือง ที่นี่เขาให้ปลาชนิดนี้นะคะ แล้วเราจะเหมือนเป็นการยั่วมัน ฮ่าๆๆ ค่อยๆเอาขึ้นเอาลงตรงหน้ามันใกล้ๆมัน สักพักนึงพี่เขาจะให้สัญญาณว่าให้ถือสูงๆเลย แล้วมันจะขึ้นมางับเอง สักพักมันก็ผุดหายไปแล้วก็กระโจนขึ้นมางับปลาลงไปกินในน้ำได้อย่างสวยงามที่ จันทบุรี ^^

แล้วก็มีการใช้เบ็ดให้อาหารด้วยนะคะ ก็ใช้วิธีเดียวกันกับเมื่อกี้ที่พูดไปนั่นแหละค่ะ ^^ คือเราเอาเบ็ดขึ้นๆลงๆแล้วมันจะกระโจนมางับเอง แต่ว่าจะแตกต่างกันตรงที่ว่าเราจะต้องถือ 2 คน ที่เราไปเล่นเราถือกับน้องที่มาด้วยกันนะคะ แล้วก็ต้องจับให้แน่นด้วย รวมถึงตัวเราเองจะต้องยึดขาให้มั่นด้วย เพราะแรงมันเยอะมากเหลือเกิน มันงับอาหารไม่พอมันดึงลงไปด้วย เพราะกว่ามันจะสะบัดอาหารหลุดออกจากเบ็ดเราแทบเหนื่อยกันเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ
กิจกรรมสุดท้ายแล้วคือเรามานั่งหันหน้าให้กันกับน้องที่มาด้วยกันแต่ห่างกัน คืบกว่า แล้วพี่เขาจะทำอะไรไม่รู้ โลมาก็พรวดขึ้นมาคั่นกลางระหว่างเรากับน้องคนนั้นเราเลยเข้าไปลูบหัวมัน กอดมัน แถมจุ๊บให้ทีนึงด้วย น่ารักที่สุดเลย พี่เขาบอกว่ามันชื่อน่ารัก ฮิๆๆ น่ารักสมชื่อจริงๆนั่นแหละค่ะ แล้วพอถึงตาพี่กับน้องเรา มันก็ขึ้นมา
แปปเดียวก็ลงไปเลย == พี่เขาก็เรียกมันขึ้นมาอีกรอบมันก็ขึ้นมา

แปปเดียวก็ลงไปเร็วเหมือนเดิม พี่เราเลยบอกกับเราว่ามันน่าจะชื่อว่า ชีกอ เพราะมันมาให้เรากับน้องผู้หญิงลูบตั้งนาน พอพี่กับน้องชายเรามากลับให้แปปเดียว เพราะก่อนที่เราจะลูบหัวมันอยู่ดีๆมันก็พรวดขึ้นมาทั้งที่พี่เขายังไม่ได้ สั่งเลย ฮ่าๆๆ ตะลึงเลยเนอะ แต่มันเป็นเรื่องจริงค่ะ ของเราไม่ได้สั่งแต่ขึ้นมา ของพี่สั่งแล้วมันไม่ยอมขึ้น ตลกดีนะคะ นี่แหละค่ะคือความประทับใจที่เราจะไม่มีวันลืมเลย

พอกิจกรรมทุกอย่างเสร็จสิ้น พี่เขาให้พวกเราว่ายกลับฝั่งเอง เราเลยลองว่ายกลับเองดู ก็ทำได้ค่ะ เพราะเสื้อชูชีพที่เราใส่มันดีมากเลย ไม่ต้องพยุงตัวเองมากก็สามารถว่ายน้ำได้แล้ว
เป็นยังไงครับประสบการณ์การเล่นกับปลาโลมาที่จังหวัดจันทบุรี ใครสนใจก็มากันได้นะครับ

ขอบคุณประสบการณ์ดีๆ จาก เด็กดี.com

วันพุธที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

รถมาสด้าแท็กซี่ของ จันทบุรี

รถมาสด้าแท็กซี่ของ จันทบุรี


รถมาสด้าคำนี้ใครได้ยินก็คงจะคิดถึงรถเก๋งสุด Sport เขียนถูกไหมเนี่ย หรือไม่ก็รถ กระบะช่วงล่างแน่นเป็นแน่แท้แต่ถ้าเป็นชาว จันทบุรี แล้วถ้าได้ยินคำว่ามาสด้าแล้วที่นี่เขาก็จะ นึกถึงภาพรถกระบะตอนเดียวผ่าข้างที่ทำหน้าที่เหมือแท็กซี่ในกรุงเทพครับ คนไหนที่มาจันทบุรีครั้งแรกก็คงแปลกใจ(ก็ที่อื่นไม่มีนินา)ว่ารถที่เห็นนี่คือรถที่ไว้ทำอะไรกันแน่เน้อ ก็แบบว่า ผมมาในตัวเมืองจันทบุรีทีไรก็มีคนขับรถมาสด้าตอนเดียวนี้มาถามผมว่า มาสด้าไหม?? ไปไหนครับ ใครไม่รู้ก็คงคิดว่าเป็นวินมอเตอร์ไซร์แน่นอน ที่เมืองจันทบุรีนี้ เรียกมาสด้ากระบะตอนเดียวนี้ว่า "พี่มาส"

ความเป็นมาของพี่มาสของ ชาวจันทบุรี


ตั้งแต่ยุคบุกเบิก รถโดยสารที่จังหวัดจันทบุรี ใช้ยี่ห้อรถมาสด้า มาเป็นรถโดยสาร จนเรียกติดปากถึงทุกวันนี้ บางคนก็เรียกรถมาสด้าว่า “พี่มาส” เช่น...วันนี้จะไปเรียนยังไง?...เดี๋ยวไปกับพี่มาส
มาสด้า ก็คือรถโดยสารท้องถิ่น ที่วิ่งไม่ประจำทาง (เหมือนรถตุ๊กตุ๊กหรือแท็กซี่) เรียกใช้บริการโดยบอกสถานที่ไป และต่อรองราคาตามระยะทาง...

ในอดีตยี่ห้อมาสด้า มีการผลิตรถกระบะ 8 แรง เป็นรถตอนเดี่ยวขนาดเล็ก จึงเป็นที่นิยมของชาวสวน ชาวเหมืองพลอยจันท์ เหมาะกับการเข้าเหมืองเข้าสวน และขนส่งผลไม้มาขาย เมื่อมีรายได้มากก็จะเปลี่ยนรถคันใหม่ เพราะคนจันทบุรีเป็นเศรษฐีพลอย เศรษฐีผลไม้...
ประกอบกับถนนในเมืองจันท์ เป็นเนินสูงๆต่ำๆ ไม่เหมาะกับรถสามล้อถีบ จึงมีเจ้าของอู่รถหัวคิดดี ไปกว้านซื้อรถมาสด้าที่ปลดระวาง นำมาเจาะทางขึ้นลงเล็กๆด้านข้าง เพิ่มหลังคา ให้เช่าทำเป็นรถรับจ้าง ซึ่งชาวจันท์นิยมเรียกกันติดปากว่ารถมาสด้า ถึงแม้จะมีรถยี่ห้ออื่นๆมาผสม จนกลายพันธุ์เป็นรถสองแถว

ปัจจุบันนี้ได้มีการโปรโมทมาสด้าให้เป็นสัญลักษ์อีกอย่างของจันทบุรี ที่ได้รับการส่งเสริมให้เป็น “ MAZDA City Tour” มาสดารับจ้างที่เข้าร่วมโครงการทุกคันจะมีสติกเกอร์ติดด้านหน้าหลังคารถมี อักษรและหมายเลข 1 ถึง 30 ติดไว้ที่รถ เพื่อที่ผู้โดยสารจะได้สังเกตได้ง่าย

โดยผู้ขับรถมาสด้าทั้งหมดของโครงการได้ผ่านการอบรมจากกรมส่งเสริม และพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดจันทบุรี ซึ่งจะได้รับประกาศนียบัตร จากท่านรองผู้ว่า จังหวัดจันทบุรี รับรองหายห่วงครับผม
ใครที่เคยนั่งแต่รถแท็กซี่ในกรุงเทพฯหรือรถอื่นๆ ถ้าใครมีโอกาสมาเที่ยวที่จังหวัดจันทบุรีอย่าลืมนั่งรถชมวิวรอบเมืองที่จังหวัดจันทบุรี ถ้าไปทางรถบริการขนส่งทั่วไปไม่ว่าจะขึ้นที่หมอชิตหรือว่าเอกมัย มาถึงที่จันทบุรีแล้วก้าวแรกที่เดินลงมาจัมีคนถามคุณว่า “มาสด้าไหมครับ”

วันอังคารที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

วัดมังกรบุปผาราม(วัดเล่งฮัวยี่) เที่ยวจันทบุรี ไปกับตำนานมังกร

วัดมังกรบุปผาราม(วัดเล่งฮัวยี่) เที่ยวจันทบุรี ไปกับตำนานมังกร


บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ เป็นคำที่ได้ยินกันบ่อยๆในหนังจันกำลังภายใน อาจจะไม่เกี่ยวกันเท่าไหร่นะครับ ไหนจะเล่าเรื่องราวของวัดจีนแล้วก็ขึ้นต้นให้เข้ากับสิ่งที่จะเล่าหน่อยนะครับ วันนี้ผมจะมาพูดถึงเรื่องราวของวัดจีน ในจังหวัดจันทบุรี ที่นี่เป็นสถานที่มีประวัติความเป็นมาน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ที่นี่มีนามว่า "วัดมังกรบุปผาราม(วัดเล่งฮัวยี่)"เมื่อไม่นานมานี้ข้าน้อย เอ้ย ! ผมได้มีโอกาสเข้าไปใน วัดมังกรบุปผาราม ไม่อยากบอกเลยว่าเป็นครั้งแรกเลยครับที่ได้ไปที่นี่(เสียหายเลยเป็นคนจันทบุรีแท้ๆ) ทำให้นึกถึงหนังจีนกำลังภายในและอยากรู้ที่มาของวัดนี้จึงได้ความมาว่า

ประวัติความเป็นมาของวัดมังกรบุปผาราม(วัดเล่งฮัวยี่)


วัดมังกรบุปผาราม  มีชื่อเรียกในภาษาจีนว่า เล่งฮั้วยี่ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2520  มีพื้นที่จำนวน 8 ไร่เศษ  เป็นวัดในพุทธศาสนา มหายานฝ่ายจีนนิกาย  มีประวัติเกี่ยวข้องกับ  พระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร(สกเห็ง)  ปฐมเจ้าคณะใหญ่จีนนิกาย  เจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส  (เล่งเน่ยยี่)  กรุงเทพฯ  และวัดจีนประชาสโมสร  (เล่งฮกยี่)  จังหวัดฉะเชิงเทรา

ในแผ่นดินสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5 ท่านพระอาจารย์สกเห็งเป็นชาวมณฑลกวางตุ้ง  ประเทศจีน  ท่านได้ยินกิตติศัพท์ว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางความเจริญรุ่งเรือง  พระพุทธศาสนาจึงเดินทางเข้ามาเพื่อนมัสการปูชนียสถานในประเทศไทย  เมื่อแรกที่ท่านเข้ามานั้นได้จำพรรษาอยู่ ณ วิหารพระกวนอิมข้างวัดกุศลสมาคร  ชาวจีนในพระนครเห็นความเคร่งครัดในศิลาจารวัตรก็พากันเลื่อมใสจึงชวนกันเรี่ยไรเงินบูรณะเป็นอารามฝ่ายจีนนิกายชื่อ  วัดย่งฮกยี่  ต่อมาได้รับพระราชทานนามวัดเป็นภาษาไทยว่า  “วัดบำเพ็ญจีนพรต”  จึงเป็นวัดที่มีพระสงฆ์จีนจำพรรษาตั้งแต่นั้นมา  เมื่อมีพระสงฆ์จีนมากขึ้น

ท่านพระอาจารย์สกเห็งเห็นว่า ควรจักขยับขยายวัดฝ่ายจีนนิกายให้กว้างออกไป  ท่านได้เลือกชัยภูมิแห่งหนึ่งตรงบริเวณถนนเจริญกรุง  เขตป้อมปราบฯ  สร้างอารามใหญ่ขึ้น  ทั้งนี้โดยพระบรมราชูปถัมภ์และการช่วยเหลือของพุทธบริษัทไทย-จีน  ได้ชื่อทางภาษาจีนว่า  “วัดเล่งเน่ยยี่”  ต่อมาพระอาจารย์สกเห็งได้รับพระราชทานสมณศักดิ์  เป็น พระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร  เจ้าคณะใหญ่จีนนิกาย  ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานนามวัดเป็นภาษาไทยว่าวัดมังกรกมลาวาส

ต่อมาพระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร(สกเห็ง)  กับศิษย์ผู้หนึ่งชื่อ  “พระกวยเล้ง”  ได้ไปสร้างวัดเล่งฮกยี่  หรือ  “วัดจีนประชาสโมสร”  ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา  และท่านเตรียมจะสร้างวัดเล่งฮั้วยี่  หรือวัดมังกรบุปผาราม  ที่จังหวัดจันทบุรี อีกแห่งหนึ่ง  โดยท่านได้จาริกมาจำพรรษาที่นี่ตั้งแต่ราวปี พ.ศ. 2417

ซึ่งต่อมาพระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร(สกเห็ง)  ได้นำคณะพุทธศาสนิกชนชาวจีนเข้ารับเสด็จ  และกราบทูลรายงานการก่อสร้างวัด  เมื่อคราวพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่ 5  เสด็จพระราชดำเนินประพาสน้ำตกพลิ้ว  ปีวอก  พ.ศ.  2427  (มีปรากฏในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวันภาค 24  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  เสด็จพระราชดำเนินประพาสหัวเมืองฝั่งทะเลตะวันออก)

แต่ต่อมาท่านพระอาจารย์สกเห็ง  เกิดอาพาธถึงแก่มรณภาพเสียก่อน  จึงเหลือแต่มงคลนามสำนักแห่งนี้  ซึ่งท่านได้ตั้งชื่อภาษาจีนว่า  เล่งฮั้วยี่  ศิษย์ของท่าน  คือ  หลวงจีนคณาณัติจีนพรต (กวยล้ง)  ได้ดำเนินการต่อ  แต่ท่านพระอาจารย์กวยเล้ง  ก็ได้มรณภาพลงเสียก่อน  สำนักแห่งนี้จึงไม่สำเร็จตามโครงการที่วางไว้

หลังจากนั้นเป็นเวลา 80 ปีเศษ  สำนักแห่งนี้รกร้างและมีหลักฐานเป็นที่ดินแปลงหนึ่งของธรณีสงฆ์  ตั้งอยู่บริเวณปากทางเข้าน้ำตกพลิ้ว  ด้วยเหตุที่การคมนาคมไม่สะดวกเหมือนปัจจุบัน   และยังชุกชุมด้วยไข้ป่า  ทางราชการสมัยนั้น  จึงได้ยกธรณีสงฆ์แห่งนี้ถวายวัดเขตต์นาบุญญาราม  อำเภอเมือง  จังหวัดจันทบุรี  ในสังกัดอนัมนิกายปกครองรักษาสืบต่อมาจนถึงปัจจุบันเหลือแต่มงคลนามของวัด

จนประมาณปี พ.ศ. 2508  ได้มีพระเจตชฎา  ฉายาเย็นฮ้วง  ศิษย์ของท่านพระมหาคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร(โพธิ์แจ้ง)  อดีตเจ้าคณะใหญ่จีนนิกาย  บังเกิดกุศลเจตนาที่จะสืบสานงานก่อสร้าง  สำนักวัดมังกรบุปผาราม(เล่งฮั้วยี่)  ให้สำเร็จตามเจตนารมณ์ของบูรพาจารย์  โดยท่านได้ปฏิบัติธรรมหาความวิเวกเดินตามแนวทางของท่านอาจารย์จีนนิกายในอดีต  ณ  บริเวณน้ำตกพลิ้ว  อาศัยพุทธบารมีเป็นที่ตั้ง  ด้วยความศรัทธามั่นคงของพุทธศาสนิกชนในจังหวัดในการนำของอุบาสก-อุบาสิกา  ได้แก่  1.อึ้งชุงฮ้อกอี  2.จีนล่งเส็งอี  3.บ้วนแซอี  4.นายสำรอง  จิตตสงวน  5.นายซ้อน  ริผล  จึงได้รวบรวมปัจจัย  ทั้งด้านทุนทรัพย์และวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างและแรงงานเพื่อพระพุทธศาสนาได้จัดหาที่ดินแปลงหนึ่ง  เป็นสถานที่ก่อสร้างวัดที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย  มีความยินดีได้ร่วมแรงร่วมใจปฏิสังขรณ์ก่อสร้างวัดมังกรบุปผารามขึ้นใหม่  แต่ต่อมาพระเย็นฮ้วง มรณภาพลงด้วยไข้มาเลเรีย  เมื่อ พ.ศ. 2518  พระมหาคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร(โพธิ์แจ้ง)  เจ้าคณะใหญ่จีนนิกายในครั้งนั้น  จึงได้มีบัญชามอบภารกิจให้  หลวงจีนคณาณัติจีนพรต(เย็นบุญ)  เจ้าอาวาสวัดทิพยวารีวิหาร  ได้ดูแลนำพุทธศาสนิกชนร่วมสนับสนุนจนการก่อสร้างวัดได้สำเร็จลง

ศิลปะสถาปัตยกรรมวัดมังกรบุปผาราม

สถาปัตยกรรมเป็นลักษณะผสมผสานระหว่างพุทธศิลป์ไทย-จีน  ศิลปะแบบสถาปัตยกรรมจีนภาคใต้

ถาวรวัตถุที่สำคัญ ๆ ของวัด

ด้านหน้าวัดมีซุ้มประตูวัด  สร้างด้วยศิลปะจีน  ลานหน้าวัดด้านนอกเป็นลานโล่งมีสนามหญ้า  มีหอแปดเหลี่ยมเคียงคู่กันสองหลัง  ที่ตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสคและหินขัด  เป็นลดลายต่าง ๆ  สวยงาม

หอแปดเหลี่ยม  หลังด้านซ้ายเป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อหลวงจีนคณาณัติจีนพรต(เย็นบุญ)  อดีตปลัดขวาจีนนิกาย  เจ้าอาวาสวัดทิพยวารีวิหาร  และรักษาการเจ้าอาวาสวัดมังกรบุปผาราม  ท่านเป็นผู้ดูแลการก่อสร้างวัดได้สำเร็จลง  มรณภาพ  เมื่อ พ.ศ. 2526

หลังด้านขวาเป็นศาลาที่ระลึก  พล.อ.กฤษณ์  ศรีวรา  ซึ่งเป็นผู้ได้อุปถัมภ์การก่อสร้างวัดมังบุปผาราม

ด้านหน้าวัดเป็นวิหารท้าวจตุโลกบาล  ด้านหน้าวิหารจารึกธารณีภาษาสันสกฤต  อักษรสิทธัม  ภายในประดิษฐานพระศรีอารยเมตไตรยโพธิสัตว์(หมี่เล็กผ่อสัก)  พระโพธิ์สัตว์ผู้จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต  ด้านหลังเป็นพระสกันทโพธิสัตว์(อุ่ยท้อผ่อสัก)  และท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่(ซี่ไต่เทียงอ้วง)

อุโบสถ  เป็นรูปทรงจีนหลังคาซ้อน  3  ชั้น  ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธปฏิมาประธานสามพระองค์  เมื่อเราหันหน้าสู่ภายในอุโบสถ  คือองค์กลางพระศากยมุนีพุทธเจ้า(เซ็กเกียหม่อนี้ฮุก)  องค์ซ้ายพระอมิตาภพุทธเจ้า (ออมีท้อฮุก)  องค์ขวาพระไภษัชยคุรุ  พุทธเจ้า(เอี๊ยะซือฮุก)  พร้อมด้วยพระสาวกเบื้องซ้ายและขวา  คือพระมหากัสสปเถระ(เกียเหี๊ยะจุนเจี้ย)  และพระอานนท์(ออหนั่งท้อจุนเจี้ย)  ด้านข้างประดิษฐานพระมัญชุศรีโพธิสัตว์(บุ่งซู่ผ่อสัก)  ผู้เลิศด้วยมหาปัญญาประทับบนหลังสิงโต  หมายถึงพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์  ทรงมีพระปัญญาคุณเลิศกว่าหมู่สรรพสัตว์  พระสมันตภัทรโพธิสัตว์(โผวเฮี้ยงผ่อสัก)  ผู้เลิศด้วยมหาจริยาประทับบนหลังช้างเผือกหกงา  อันหมายถึงบารมีหก  ที่พระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ทั้งหลายบำเพ็ญ  รูปเคารพทั้งหลายปิดทองคำเปลวเหลืองอร่ามประดิษฐานภายในซุ้มแบบจีนบนฐานชุกชี  ภายในมีลวดลายไม้แกะสลักปิดทองแบบศิลปะจีนอย่างสวยงาม  พื้นภายในเป็นหินขัดยอดหลังคาอุโบสถเป็นเจดีย์  พื้นอุโบสถด้านนอกเป็นหินขัดลายจีน

ด้านหลังอุโบสถเป็นวิหารสุขาวดีตรีอารยะ  ภายในประดิษฐานพระปฏิมาพระอมิตาภพุทธเจ้า  องค์ศาสดาแห่งสุขาวดีโลกธาตุปัจฉิมทิศ  พร้อมด้วยพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์(กวงซีอิมผ่อสัก) และพระมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์(ไต่ซีจี่ผ่อสัก)  มหาสาวกของพระองค์  แห่งสุขาวดีพุทธเกษตร  จีงเรียกกันว่าพระตรีอารยะแห่งปัจฉิมทิศ(ไซฮึงชาเสี่ย)  คือแดนสุขาวดีนั่นเอง  ด้านข้างประดิษฐานรูปเหมือนพระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร(สกเห็งมหาเถระ)  ปฐมเจ้าคณะใหญ่จีนนิกาย  ผู้สถาปนาวัดมังกรบุปผาราม  ในสมัยรัชกาลที่ 5 และรูปเหมือนพระอาจารย์เย็นฮ้วง  ผู้พัฒนาวัดมังกรบุปผารามในสมัยต่อม

นอกจากนี้ยังมี  วิหารพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์(กวนซีอิมผ่อสัก)  ปางสหัสรหัตถ์สหัสรเนตร  (พระกวนอิมปางพันมือพันตา)  วิหารพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์(ตี่จั่งอ้วงผ่อสัก)  วิหารบรรพบุรุษเป็นที่สาธุชนตั้งป้ายบูชาวิญญาณผู้ล่วงลับ  และสถูปเจดีย์ทรงธิเบตที่บรรจุอัฐิบูรพาจารย์ด้านหลังวัด  แวดล้อมด้วยหมู่กุฏิสงฆ์  โรงครัว  โรงอาหาร  ที่พักผู้ปฏิบัติธรรม  เรียงรายอยู่โดยรอบอย่างเป็นระเบียบทางเดินภายในวัดส่วนใหญ่เป็นหิน

วัดมังกรบุปผาราม(วัดเล่งฮัวยี่) แห่งนี้มีงานประจำปีที่สำคัญ 2 งานคือ งานบุญกฐิน จะจัดขึ้นหลังช่วงเทศกาลออกพรรษา และงานทำบุญประจำปีของวัด ซึ่งจะจัดขึ้นหลังวันตรุษจีน 21 วันมีประชาชนเดินทางมาร่วมทำบุญถือศีลและพำนักที่วัดตลอดช่วงการจัดงานนาน 7-10 วัน


การเดินทางมาเที่ยวชมวัดมังกรบุปผาราม ตั้งอยู่ที่ ถนนสุขุมวิท  ตำบลพลิ้ว อำเภอแหลมสิงห์  จังหวัดจันทบุรี  22130  โทร. 039-397210 เวลาให้บริการ : 06:00-18:00  ไม่เสียค่าเข้าชมนะครับ เป็นยังไงกันบ้างมีความวุขกับการเดินทางนะครับ